การเทพื้นคอนกรีต
การเทพื้นคอนกรีต ให้แข็งแรงและทนทาน
การเทพื้นคอนกรีต เป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องใช้ทั้งเทคนิคและวัสดุที่ได้มาตรฐานเพื่อให้พื้นมีความแข็งแรง ใช้งานได้ยาวนาน และลดโอกาสแตกร้าว โดยเฉพาะพื้นที่ที่รับน้ำหนักมาก เช่น ถนน ลานจอดรถ หรือพื้นบ้าน การเลือกใช้ ตะแกรงเหล็กไวร์เมช WMI Group ซึ่งผ่านมาตรฐาน มอก. 737-2549 จะช่วยเสริมความแข็งแรงให้คอนกรีตและป้องกันการแตกร้าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเทคอนกรีต สำหรับถนนทางเข้าหน้าบ้าน
การเทพื้นคอนกรีต เป็นขั้นตอนสำคัญในการทำถนน ลานจอดรถ หรือพื้นบ้านที่ต้องการความแข็งแรงและทนทาน โดยทั่วไปความหนาของพื้นคอนกรีตสำหรับรถยนต์วิ่งผ่านควรอยู่ที่ประมาณ 15 ซม. มีกำลังอัด 180-240 KSC ซึ่งสามารถผสมเองในอัตราส่วน ปูนซีเมนต์ : ทราย : หิน = 1 : 2 : 4 หรือใช้คอนกรีตผสมเสร็จจากโรงงานเพื่อความสะดวกและควบคุมคุณภาพได้ดีกว่า

ภาพประกอบจาก: www.constructacon.org
การเตรียมพื้น เพื่อการเทคอนกรีต
1. เริ่มต้นด้วยการปรับระดับดินเดิมให้เรียบและแน่น (ไม่เป็นหลุมเป็นบ่อ)
และลดระดับหน้าดินเผื่อความหนาของทรายและคอนกรีต
2. ทำการตั้งแบบเทคอนกรีต
โดยใช้แบบไม้เนื้อแข็งหรือแบบเหล็กสำเร็จรูปวางตามแนวของเส้นถนน ในขอบเขตความกว้างยาวตามแบบที่กำหนดไว้ แล้วค้ำยันให้แข็งแรง
แนะนำว่าความกว้างของถนนไม่ควรเกิน 4 เมตร ส่วนความยาวของถนนในแต่ละช่วงไม่ควรเกิน 6 เมตร เพราะการยืดหดขยายตัวของถนนอาจทำให้เกิดรอยร้าวได้
3. เททรายจนได้ระดับความหนา 5 เซนติเมตร
แล้วบดอัดด้วยเครื่องตบดินหรือทุบให้แน่น

ภาพประกอบจาก: www.routestofinance.com
ขั้นตอน การเทพื้นคอนกรีต
1. เมื่อปรับผิวหน้าดินเรียบร้อยแล้ว ให้วางตะแกรงเหล็กไวร์เมช เส้นผ่านศูนย์กลาง 6 มม. ขนาดตาราง 15×15 ซม. (6 mm @15 cm) ไว้ในเนื้อคอนกรีตด้วย
โดยตะแกรงเหล็กไวร์เมชนี้จะต้องอยู่ต่ำกว่าผิวคอนกรีตประมาณ 5 เซนติเมตร เพื่อป้องกันรอยร้าวที่ผิวคอนกรีต รวมถึงการวางตำแหน่ง เหล็กเดือย (Dowel Bar) หรือ เหล็กยึด (Tie Bar) ตามแบบมาตรฐาน เพื่อเสริมความแข็งแรงในบริเวณรอยต่อตามแนวกว้างและแนวยาวของพื้นคอนกรีต
2. โดยทั่วไปจะใช้วิธีการเทพื้นคอนกรีตลงไปให้ต่ำกว่าระดับที่ต้องการแล้วเกลี่ยให้ทั่ว
จากนั้นวางตะแกรงเหล็กไวร์เมช แล้วเทคอนกรีตทับอีกรอบให้ได้ระดับตามที่กำหนด
หรืออาจใช้อีกวิธีหนึ่ง คือการเสริมลูกปูนก่อนจะวางตะแกรงเหล็กไวร์เมชทับลงไป แล้วเทคอนกรีตให้ทั่วพื้นที่จนได้ระดับตามต้องการ
วิธีนี้สะดวกตรงที่ การเทคอนกรีตสามารถทำได้ในขั้นตอนเดียว

ภาพประกอบจาก: www.th.hkfloormach.com
3. หลังจากเทคอนกรีตลงไปแล้ว ให้ทำการปรับแต่งผิวหน้าให้เรียบร้อย
จากนั้นปล่อยทิ้งไว้จนผิวคอนกรีตเริ่มแข็งตัวและให้บ่มพื้นคอนกรีตโดยฉีดน้ำให้ชุ่มไม่น้อยกว่า 7 วัน เพื่อให้คอนกรีตมีความแข็งแรงเต็มที่
ขั้นตอนนี้นับว่าจำเป็นมาก เพราะหากไม่บ่มคอนกรีตหรือบ่มในระยะเวลาที่เหมาะสม จะทำให้คอนกรีตมีประสิทธิภาพในการรับแรงต่ำกว่าที่ควร
ทั้งยังอาจทำให้สารต่าง ๆซึมเข้าสู่เนื้อคอนกรีต ส่งผลให้เหล็กเสริมเป็นสนิมง่าย จนทำให้คอนกรีตเกิดการแตกร้าวเสียหายได้
4. หลังจากที่พื้นคอนกรีตแข็งแรงขึ้นแล้ว จะต้องกรีดร่องด้วย Saw Cut Machine ตามตำแหน่งรอยต่อคอนกรีต
โดยให้มีความกว้างไม่น้อยกว่า 1 เซนติเมตร ลึก 1.5 เซนติเมตร แล้วหยอดยางมะตอยระหว่างช่อง ป้องกันไม่ให้น้ำซึมลงไปในร่องรอยต่อ
เป็นการป้องกันดินทรุดนั่นเอง
ทำไม “ไวร์เมช WMI Group” เหมาะกับการเทพื้นคอนกรีต
✔ ออกแบบมาเพื่อ “การเทพื้นคอนกรีต” โดยตรง
ตะแกรงเหล็กไวร์เมช (Wire Mesh) ช่วยกระจายแรงและควบคุมรอยแตกร้าวจากการหดตัวของคอนกรีต
ลดโอกาสรอยร้าวแบบสุ่ม ทำให้พื้นแข็งแรงและใช้งานได้นาน
✔ มาตรฐาน มอก. เชื่อถือได้
ผลิตตามมาตรฐานอุตสาหกรรมไทย มอก. 737-2549
ให้ค่าความสม่ำเสมอของเส้นลวด ขนาดช่อง และคุณภาพรอยเชื่อมที่แน่นหนา
มั่นใจได้เรื่องความแข็งแรงและความปลอดภัย
✔ คุณภาพสม่ำเสมอทุกม้วน ทุกแผง
ผลิตด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติ ควบคุมระยะห่างของตะแกรงและเส้นผ่านศูนย์กลางลวดได้แม่นยำ
✔ ลดความผิดพลาดหน้างาน
ไม่ต้องคำนวณระยะผูกลวดทีละเส้น ลดการผูกหลวม/แน่นเกินไป
ลดเศษเหล็กและการสูญเสียวัสดุ ช่วยคุมงบประมาณได้จริง
✔ รองรับงานสั่งผลิต/ปรับสเปกตามแบบ (ตามเงื่อนไข)
สรุป
ไวร์เมชจาก WMI Group ผลิตตามมาตรฐาน มอก. มีหลายขนาด (2.8-12 มม.)
เหมาะสำหรับงานเทพื้นคอนกรีตทุกประเภท ทั้งบ้านพักอาศัยและงานโครงสร้างขนาดใหญ่
ช่วยเพิ่มความแข็งแรง ลดรอยแตกร้าว และติดตั้งได้รวดเร็ว
สั่งไวร์เมชกับ WMI Group ง่ายๆ แค่ คลิก
ติดต่อเราเพื่อขอใบเสนอราคา, ปรึกษาเรื่องการใช้ไวร์เมช, หรือเช็คราคาตรงจากโรงงาน



