



● ปริมาณคลังเหล็กสำเร็จรูป 5 ประเภท (Rebar, Wire rod, HRC, CRC, Plate) ของจีนเพิ่มขึ้น 4.9% เทียบสิ้นเดือนกันยายน
● สาเหตุหลักจากดีมานด์ซบหลังช่วงหยุดยาว Golden Week
● การซื้อขายในตลาดชะลอตัว ทำให้โรงงานมีสินค้าคงคลังสะสมมากขึ้น
● ผู้ซื้อรอดูทิศทางราคาก่อนกลับเข้าตลาด
● แนวโน้มราคายังถูกกดดันในระยะสั้น
● โรงงานบางแห่งเริ่มลดกำลังผลิตเพื่อลดแรงกดดันด้านสต็อก
⚙️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหล็กไทย:
● ราคานำเข้าเหล็กสำเร็จรูปจากจีนอาจอ่อนตัว
● ส่งผลดีต่อผู้ผลิตเหล็กไทยที่ต้องการวัตถุดิบราคาถูก
● แต่กดดันตลาดภายในประเทศจากการแข่งขันราคานำเข้า
อ่านข่าวเพิ่มเติม: Steel Orbis
● ราคาผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นรีดร้อน (HRC) มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง
● อุปสงค์ภายในประเทศอ่อนตัวจากภาคก่อสร้างและยานยนต์
● อุปทานในตลาดยังคงสูง แม้บางโรงงานลดการผลิต
● ผู้ค้าเน้นขายระบายสต็อกเก่าเพื่อสร้างสภาพคล่อง
● ราคาส่งออกของจีนถูกลง กระทบตลาดเอเชีย
⚙️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหล็กไทย:
● ราคานำเข้า HRC จากจีนลดลง กดดันราคาภายในประเทศ
● ผู้ผลิตไทยอาจต้องปรับกลยุทธ์ราคาแข่งขันกับสินค้านำเข้า
● ผู้ใช้เหล็ก (เช่น OEM และก่อสร้าง) ได้ประโยชน์จากต้นทุนที่ต่ำลง
อ่านข่าวเพิ่มเติม: SEAISI
● โรงงานสมาชิกสมาคมเหล็กจีน (CISA) ผลิตเหล็กดิบเฉลี่ย 2.03 ล้านตัน/วัน
● เพิ่มขึ้น 7.5% เทียบปลายเดือนกันยายน
● คลังเหล็กสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น 8.2% รวม 15.88 ล้านตัน
● ผลผลิตเพิ่มแม้ความต้องการยังไม่ฟื้นเต็มที่
● อาจเกิดแรงกดดันด้านราคาภายในประเทศ
⚙️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหล็กไทย:
● ราคาส่งออกเหล็กจีนอาจถูกลง แข่งขันสูงในตลาดอาเซียน
● เพิ่มโอกาสนำเข้าเหล็กดิบต้นทุนต่ำ
● แต่กระทบราคาผู้ผลิตไทยที่ต้องแข่งขันกับสินค้าจีน
อ่านข่าวเพิ่มเติม: SEAISI
● เกาหลีใต้จะเปิดยุทธศาสตร์เหล็กใหม่ปลายเดือนตุลาคม
● เพื่อตอบสนองต่อมาตรการภาษีเหล็กของสหภาพยุโรป (EU Steel Tariffs)
● เน้นการส่งเสริมเหล็กลดคาร์บอนและเสถียรภาพวัตถุดิบ
● ภาคเอกชนเร่งลงทุนเทคโนโลยีผลิตเหล็กสะอาด
⚙️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหล็กไทย:
● แนวโน้มตลาดโลกหันสู่ “เหล็กลดคาร์บอน” เร็วขึ้น
● ไทยอาจต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยี Green Steel
● สร้างแรงกดดันต่อโรงงานที่ยังใช้กระบวนการผลิตแบบดั้งเดิม
อ่านข่าวเพิ่มเติม: SEAISI
● World Steel Association คาดอุปสงค์เหล็กปี 2025 อยู่ที่ 1.75 พันล้านตัน
● ทรงตัวจากปี 2024 ก่อนเพิ่มขึ้น 1.3% ในปี 2026
● การเติบโตชะลอจากภาคอสังหาริมทรัพย์จีนและอัตราดอกเบี้ยโลกสูง
● ประเทศตลาดเกิดใหม่ยังคงเป็นแรงขับสำคัญของดีมานด์
⚙️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหล็กไทย:
● ควรวางแผนส่งออกอย่างระมัดระวังในปี 2025
● โอกาสเพิ่มขึ้นในปี 2026 หากตลาดฟื้นตัว
● ไทยอาจได้รับแรงหนุนจากความต้องการในอาเซียน
อ่านข่าวเพิ่มเติม: SEAISI
● ราคาหินแร่เหล็กกลับขึ้นสู่ระดับ 105 ดอลลาร์/ตัน
● ความต้องการใช้เหล็กจีนฟื้นตัวหลังวันหยุด Golden Week
● ตลาดซื้อขายล่วงหน้า Dalian ปรับตัวขึ้นตาม
● สะท้อนความเชื่อมั่นต่อภาคอุตสาหกรรมจีนที่เริ่มฟื้น
⚙️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหล็กไทย:
● ต้นทุนวัตถุดิบ (แร่เหล็ก) อาจขยับขึ้น
● โรงงานรีดร้อนและรีดเย็นในไทยอาจเจอต้นทุนสูงขึ้นเล็กน้อย
● ควรจับตาความเคลื่อนไหวราคาวัตถุดิบระยะสั้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม: Bloomberg
● ราคาแร่เหล็กลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ใกล้ 104 ดอลลาร์/ตัน
● Rio Tinto เตรียมเปิดขนส่งล็อตแรกพฤศจิกายนนี้
● นักลงทุนกังวลอุปทานส่วนเกินในตลาดโลก
● สสัญญาซื้อขายในจีนและสิงคโปร์ปรับตัวลดลงตาม
⚙️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหล็กไทย:
● ต้นทุนแร่เหล็กลดลง ส่งผลดีต่อผู้ผลิตในประเทศ
● ราคาผลิตภัณฑ์เหล็กอาจลดลงตาม
● เพิ่มโอกาสลดต้นทุนการผลิตในช่วงปลายปี
อ่านข่าวเพิ่มเติม: Bloomberg
● ราคากลางเหล็กเส้น (rebar) ลดลง 0.5% ในสัปดาห์ 6–12 ต.ค.
● เหตุผลจากอุปสงค์ในภาคก่อสร้างชะลอ
● ตลาดคาดว่าราคาจะทรงตัวในช่วงกลางเดือนตุลาคม
● ผู้ค้าเน้นขายสินค้าคงคลังเพื่อลดความเสี่ยงขาดทุน
⚙️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหล็กไทย:
● ราคานำเข้าเหล็กเส้นจากจีนอาจลดลง
● ผู้รับเหมาและผู้ใช้เหล็กในไทยได้ประโยชน์
● แต่กดดันผู้ผลิตภายในประเทศที่ต้องแข่งขันราคาสินค้านำเข้า
อ่านข่าวเพิ่มเติม: Steel Orbis
● สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เริ่มไต่สวนการทุ่มตลาดเหล็กหนัก (heavy steel sections) จากจีน
● กล่าวหาว่าราคาส่งออกต่ำกว่าต้นทุนจริง
● อาจนำไปสู่การเก็บภาษีป้องกันการทุ่มตลาด (AD Duty)
● สะท้อนแรงต่อต้านการไหลบ่าเหล็กจีนในตลาดโลก
⚙️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหล็กไทย:
● อาจเปิดช่องตลาดใหม่ในตะวันออกกลางให้ผู้ผลิตไทย
● ลดการแข่งขันจากจีนในภูมิภาค
● เพิ่มโอกาสขยายการส่งออกเหล็กโครงสร้าง
อ่านข่าวเพิ่มเติม: Steel Orbis
● มี 62 ประเทศใช้มาตรการควบคุมเหล็กนำเข้าจากจีนรวม 207 มาตรการ
● รวมถึงภาษี AD, ภาษีอุดหนุน, และโควตานำเข้า
● เกิดจากการขยายกำลังการผลิตและการอุดหนุนภายในของจีน
● แนวโน้มการค้าเหล็กโลกเข้าสู่ช่วง “ปกป้องตลาด”
⚙️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหล็กไทย:
● เพิ่มโอกาสให้เหล็กไทยเข้าแทนที่ตลาดที่จีนถูกจำกัด
● ผู้ผลิตไทยควรจับตาความต้องการในตลาดที่มีมาตรการป้องกัน
● แต่ต้องรักษามาตรฐานคุณภาพและต้นทุนให้แข่งขันได้
อ่านข่าวเพิ่มเติม: SEAISI
1. อุปสงค์เหล็กทั่วโลกชะลอ แต่มีแนวโน้มหยุดร่วง
● WSA คาดว่าในปี 2025 อุปสงค์เหล็กทั่วโลกจะ “ทรงตัว” เมื่อเทียบกับปี 2024 ที่ประมาณ 1.75 พันล้านตัน และจะเริ่มฟื้นตัวในปี 2026 เพิ่มขึ้นประมาณ 1.3%
● ในภูมิภาคกำลังพัฒนา (ยกเว้นจีน) อุปสงค์เหล็กมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 3.4% ในปี 2025 และ 4.7% ในปี 2026 โดยได้รับแรงหนุนจากประเทศอย่าง อินเดีย และบางประเทศในอาเซียน
2. การเพิ่มปริมาณคลังสินค้าในจีน
● โรงเหล็กจีนทยอยเพิ่มการผลิตในต้นเดือนตุลาคม ส่งผลให้คลังสินค้าสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (5 ประเภทหลัก) โดยเฉพาะ wire rod และ rebar ที่เพิ่มสูงกว่า
● อย่างไรก็ตาม ราคาสินค้า HRC ของจีนคาดว่าจะถูกกดดันในเดือนตุลาคม เพราะอุปสงค์ภาคปลายน้ำฟื้นตัวช้า และอุปทานยังอยู่ในระดับสูง
3. แรงกดดันมาตรการการค้าและภาษี
● มีการนำมาตรการควบคุมการนำเข้าเหล็กจากจีนโดย 62 ประเทศทั่วโลก (207 มาตรการ) ณ ต้นเดือนตุลาคม 2025
● สหภาพยุโรป (EU) เสนอให้เพิ่มภาษีเหล็กนำเข้าขึ้นเป็น 50% สำหรับปริมาณที่เกินโควตา และลดโควตาฟรีลงอย่างมาก
● เกาหลีใต้เตรียมมาตรการตอบโต้ภาษีเหล็กของยุโรป และวางยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมเหล็กรอบใหม่เพื่อรองรับผลกระทบ
● UAE เริ่มดำเนินการสอบสวน AD กับการนำเข้าชิ้นส่วนเหล็กจากจีนเพื่อควบคุมการทุ่มตลาด
4. ราคาหินแร่เหล็ก (Iron Ore) ฟื้นตัวเล็กน้อย
● ราคาหินแร่เหล็กปรับตัวขึ้นหลังจากการลดลงก่อนหน้า เนื่องจากอุปสงค์เหล็กในจีนกลับมาฟื้นตัวเล็กน้อยหลังวันหยุดยาว อย่างไรก็ตาม ราคาสินค้า HRC ของจีนคาดว่าจะถูกกดดันในเดือนตุลาคม เพราะอุปสงค์ภาคปลายน้ำฟื้นตัวช้า และอุปทานยังอยู่ในระดับสูง
5. บทบาทของนโยบายในอาเซียน / ประเทศสมาชิก
● มาเลเซียเปิดตัว Steel Industry Roadmap 2035 (SIR 2035) ที่มีจุดมุ่งหมายให้ภาคอุตสาหกรรมเหล็กรวมถึงสายผลิตภัณฑ์เหล็กในประเทศมีความยั่งยืน ปรับปรุงประสิทธิภาพ และลดปัญหา overcapacity
● ความร่วมมือในอาเซียนอาจถูกกระตุ้นให้เข้มขึ้น ผ่านการใช้มาตรการตอบโต้ทางการค้า และการวางกรอบภายในภูมิภาคเพื่อสนับสนุนการผลิตในอาเซียนให้แข่งขันได้