Admin2

13 ตุลาคม 2025

ข่าวสาร วงการเหล็ก 6–12 ตุลาคม 2025

ข่าวสาร วงการเหล็ก 6–12 ตุลาคม 2025 1. การผลิตเหล็กดิบสหรัฐฯ ลดลง 1.2% – สะท้อนความชะลอตัวในอุปสงค์
6 ตุลาคม 2025
● สหรัฐฯ ผลิตเหล็กดิบได้ 1.76 ล้านตัน ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 4 ต.ค.
● ลดลง 1.2% จากสัปดาห์ก่อนหน้า และลดลง 2.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
● อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 76.4%
● อุปสงค์ในอุตสาหกรรมยานยนต์และก่อสร้างชะลอตัว
● ผู้ผลิตบางรายเริ่มลดกำลังการผลิตเพื่อควบคุมสต็อก
● ราคาวัตถุดิบ (scrap) ปรับตัวลดลงต่อเนื่องในต้นเดือนตุลาคม
● ตลาดคาดการณ์ว่าอาจเห็นการปรับตัวลดลงอีกหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอต่อเนื่อง ⚙️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหล็กไทย:
● ส่งสัญญาณ “ภาวะอ่อนตัว” ของตลาดเหล็กโลกช่วงไตรมาส 4
● ราคานำเข้าเหล็กจากสหรัฐฯ อาจชะลอการปรับขึ้น
● ไทยอาจได้รับแรงกดดันทางราคาจากการส่งออกในเอเชียที่ต้องการระบายสินค้า
● แนวโน้มราคาวัตถุดิบรีไซเคิล (เศษเหล็ก) อาจทรงตัวหรือลดลงระยะสั้น อ่านข่าวเพิ่มเติม: Steel Orbis
2. ราคาสินค้าเหล็ก HRC สหรัฐฯ ปรับขึ้นต่อ แม้เศษเหล็กร่วง
7 ตุลาคม 2025
● ราคา เหล็กแผ่นรีดร้อน (HRC) ในตลาดสหรัฐฯ ปรับขึ้นต่อเนื่อง
● การนำเข้าเหล็กแผ่นต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปีที่แล้วกว่า 15%
● ผู้ผลิตภายในประเทศจำกัดปริมาณเสนอขาย เพื่อรักษาราคาตลาด
● แม้ราคาเศษเหล็กในประเทศลดลง แต่ HRC ยังปรับขึ้นจากอุปทานที่ตึงตัว
● ราคาซื้อขายในตลาดอยู่ราว $740–760 ต่อตัน
● ผู้ใช้ปลายน้ำเริ่มลังเลในการสั่งซื้อใหม่ รอความชัดเจนของตลาดไตรมาส 4
● ตลาดคาดว่าแนวโน้มราคายังทรงตัวถึงสิ้นเดือนตุลาคม ⚙️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหล็กไทย:
● เป็นแรงหนุนทางจิตวิทยาต่อราคาเหล็กรีดร้อนในภูมิภาคเอเชีย
● การส่งออก HRC ของไทยไปตลาดสหรัฐฯ อาจมีโอกาสเพิ่มขึ้นช่วงปลายปี
● โรงรีดในไทยควรติดตามแนวโน้มเศษเหล็กโลกร่วง เพราะอาจลดต้นทุนการผลิต อ่านข่าวเพิ่มเติม: Steel Orbis
3. โรงเหล็กตุรกีเผชิญแรงกดดัน ดอกเบี้ยสูง–ดีมานด์อ่อน
7 ตุลาคม 2025
● โรงเหล็กตุรกีเผชิญภาวะดอกเบี้ยเงินกู้สูงและอุปสงค์ในประเทศต่ำ
● ผู้ผลิตบางรายลดกำลังการผลิตและหันไปเน้นส่งออก
● ตลาดเหล็กเส้นและเหล็กแผ่นชะลอตัวต่อเนื่อง
● การแข่งขันด้านราคาในตลาดตะวันออกกลางรุนแรง
● ผู้ผลิตขนาดกลางมีปัญหาสภาพคล่องเพิ่มขึ้น
● ต้นทุนพลังงานยังเป็นภาระหลัก
● คาดว่าการฟื้นตัวจะเริ่มในปลายปี หากรัฐบาลออกมาตรการสนับสนุน ⚙️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหล็กไทย:
● ราคาส่งออกจากตุรกีอาจลดลง กดดันราคาตลาดเอเชีย
● ไทยอาจได้เปรียบในการแข่งขันด้านราคาในบางตลาด
● ควรระวังการทุ่มตลาดจากเหล็กต้นทุนต่ำของตุรกี อ่านข่าวเพิ่มเติม: Steel Orbis
4. สหภาพยุโรปเสนอมาตรการปกป้องเหล็กใหม่ เข้มงวดกว่าที่เคย
8 ตุลาคม 2025
● คณะกรรมาธิการยุโรปเสนอกรอบ safeguard measures ใหม่สำหรับเหล็กนำเข้า
● ลดโควตานำเข้าปลอดภาษีลงครึ่งหนึ่งจากเดิม
● เก็บภาษี 50% หากเกินโควตา (จากเดิม 25%)
● ได้รับการสนับสนุนจากผู้ผลิตภายใน EU เช่น ArcelorMittal
● ผู้ใช้เหล็ก (ยานยนต์, เครื่องจักร, ก่อสร้าง) ต่อต้าน เนื่องจากต้นทุนจะพุ่ง
● ส่งผลให้ราคาหุ้นกลุ่มเหล็กในยุโรปพุ่งแรง 4–7%
● ผู้ผลิตจากเอเชียและตุรกีอาจต้องทบทวนกลยุทธ์ส่งออกใหม่ ⚙️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหล็กไทย:
● ผู้ส่งออกเหล็กไทยไปยุโรปต้องเตรียมรับภาษีนำเข้าเพิ่ม
● ราคาตลาดโลกอาจปรับขึ้นจากภาวะจำกัดอุปทาน
● ไทยอาจได้อานิสงส์ทางอ้อมจากการหันมานำเข้าจากเอเชียในบางเซกเตอร์ อ่านข่าวเพิ่มเติม: Steel Orbis
5. จีนส่งสัญญาณราคาฟื้นตัวในเดือนตุลาคม
9 ตุลาคม 2025
● ราคาสินค้าเหล็กในจีนเริ่มทรงตัวหลังร่วงต่อเนื่องหลายเดือน
● ปัจจัยหนุนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
● การก่อสร้างในเมืองรองเริ่มกลับมาคึกคัก
● อุปสงค์ภายในประเทศเพิ่มขึ้นหลังวันหยุดยาว
● Mysteel ประเมินว่าราคามีโอกาสฟื้นตัวในไตรมาส 4
● ผู้ส่งออกยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
● โรงเหล็กหลายแห่งเร่งลดสต็อกเพื่อสร้างสมดุลตลาด ⚙️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหล็กไทย:
● ราคานำเข้าเหล็กจากจีนอาจหยุดลดหรือเริ่มฟื้น
● อุตสาหกรรมก่อสร้างไทยอาจได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
● ผู้ค้าควรวางแผนสต็อกอย่างระมัดระวังในช่วงปลายปี อ่านข่าวเพิ่มเติม: SEAISI
6. คลังเหล็กในจีนเพิ่มขึ้นช่วงวันหยุด “Golden Week”
10 ตุลาคม 2025
● ปริมาณคลังเหล็กของโรงงานจีนเพิ่มขึ้น 14.2% ระหว่างวันหยุด 1–8 ตุลาคม
● สาเหตุจากการซื้อขายชะลอตัวในช่วงหยุดยาว
● ประเภทเหล็กที่คงคลังมากขึ้น: rebar, wire rod, HRC, CRC และแผ่นกลาง
● ตลาดคาดว่าอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการระบายสต็อก
● โรงเหล็กบางแห่งเลื่อนแผนขึ้นราคาออกไปหลังวันหยุด
● ราคาภายในประเทศยังทรงตัว ⚙️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหล็กไทย:
● อาจทำให้ราคานำเข้าเหล็กจีนยังไม่ปรับขึ้นทันที
● เป็นโอกาสดีสำหรับผู้ซื้อในไทยในการเติมสต็อกระยะสั้น
● แต่ควรระวังความผันผวนหลังคลังลดลงในช่วงปลายเดือน อ่านข่าวเพิ่มเติม: SEAISI
7. เกาหลีใต้เตรียมแผนตอบโต้ภาษีนำเข้าเหล็กของ EU
11 ตุลาคม 2025
● รัฐบาลเกาหลีประกาศเตรียมแผนยุทธศาสตร์รับมือภาษีนำเข้าของ EU
● แผนเน้นการส่งเสริมเทคโนโลยี เหล็กลดคาร์บอน
● พร้อมออกมาตรการช่วยเหลือผู้ส่งออกและปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม
● มีแนวทางใช้มาตรการตอบโต้ (counter-measures) หากกระทบไม่เป็นธรรม
● บริษัท POSCO และ Hyundai Steel เข้าร่วมร่างข้อเสนอร่วมกับรัฐบาล ⚙️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหล็กไทย:
● ไทยอาจได้รับบทเรียนและแนวทางในการเจรจาการค้ากับ EU
● โอกาสร่วมมือพัฒนาเหล็กลดคาร์บอนกับเกาหลีเพิ่มขึ้น
● ตลาดเหล็กเอเชียอาจได้รับแรงหนุนเชิงบวกจากการขยับตัวของเกาหลี อ่านข่าวเพิ่มเติม: SEAISI
🌐 แนวโน้มอุตสาหกรรมเหล็กในอาเซียนและโลก | 6-12 ตุลาคม 2025
● แรงกดดันจากมาตรการการค้าในยุโรป
ยุโรปกำลังผลักดันมาตรการป้องกันการนำเข้า (safeguards) ที่เข้มงวดขึ้น
ซึ่งอาจส่งผลให้เหล็กที่นำเข้าจากต่างประเทศถูกเก็บภาษีสูงขึ้นหรือถูกจำกัดโควตา เป็นแรงกดดันต่อตลาดนำเข้าเหล็กในหลายประเทศ ● ราคาสินค้าเหล็กในจีนมีโอกาสฟื้นตัว
หลังจากที่ราคาลดลงมาสองเดือน ตลาดในจีนอาจเริ่มฟื้นตัวในเดือนตุลาคม โดยมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ภาคก่อสร้างและการส่งออก ● คลังเหล็กในจีนเพิ่มขึ้นในช่วงวันหยุด
ปริมาณสินค้าคงคลังของโรงงานเหล็กจีนเพิ่มขึ้นในช่วงวันหยุดยาว ทำให้บางส่วนของอุปทานอาจถูกกักเก็บและไม่ไหลเข้าสู่ตลาดทันที ● สหรัฐฯ ยังคงมีการปรับลดการผลิตดิบ
ตัวเลขการผลิตเหล็กดิบของสหรัฐในสัปดาห์ต้นเดือนตุลาคมลดลง ซึ่งอาจสะท้อนอุปทานเกินหรือตลาดภายในที่อ่อนตัว ● สถานะตลาดเหล็กในตุรกีเผชิญความท้าทาย
โรงเหล็กในตุรกีต้องต่อสู้กับภาระต้นทุนสูง ดอกเบี้ย และอุปสงค์อ่อนตัว ทำให้บางรายอาจมีปัญหาในการดำเนินงานหรือปรับลดการผลิต ● แรงกดดันต่อผู้ใช้เหล็กจากมาตรการป้องกันของยุโรป
ผู้ใช้เหล็ก (อุตสาหกรรมปลายน้ำ) อาจได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมาตรการนำเข้าเหล็กที่เข้มงวดขึ้นของยุโรป ● เกาหลีเตรียมมาตรการตอบโต้
เกาหลีใต้เตรียมประกาศยุทธศาสตร์รับมือมาตรการภาษีเหล็กจากยุโรปในเดือนตุลาคม เพื่อช่วยผู้ผลิตเหล็กในประเทศให้สามารถแข่งขันในตลาดส่งออกได้
4 ตุลาคม 2025

ข่าวสาร วงการเหล็ก 29 กันยายน–5 ตุลาคม 2025

ข่าวสาร วงการเหล็ก 29 กันยายน–5 ตุลาคม 2025 1. การผลิตเหล็กดิบของสหรัฐฯ สัปดาห์ที่ 40 เพิ่มขึ้น 0.9%
29 กันยายน 2025
● การผลิตเหล็กดิบสหรัฐฯ อยู่ที่ 1.77 ล้านตัน (+0.9% WoW)
● อัตราการใช้กำลังการผลิต (Capacity Utilization) 76.1%
● สหรัฐยังเป็นตลาดเหล็กอันดับต้น ๆ ของโลก โดยมีแนวโน้มฟื้นตัวเล็กน้อย
● ความต้องการในประเทศคงที่แต่ยังเผชิญต้นทุนพลังงานสูง
● การผลิตเพิ่มขึ้นสวนทางกับความกังวลด้านเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เริ่มชะลอ
● เป็นสัญญาณบวกต่อผู้ผลิตภายในประเทศหลังถูกกดดันจากการนำเข้า
● ผลิตภัณฑ์หลักที่ขับเคลื่อนคือเหล็กรีดร้อนและเหล็กก่อสร้าง ⚙️ ผลกระทบต่อไทย:
● ส่งออกเหล็กไทยไปสหรัฐฯ อาจถูกกดดันเพิ่ม หากสหรัฐฯ พึ่งพาการผลิตในประเทศมากขึ้น
● ราคาตลาดโลกอาจได้รับแรงหนุนเล็กน้อยจากการเพิ่มกำลังผลิต
● ไทยต้องเร่งหาตลาดใหม่ในเอเชียและตะวันออกกลางเพื่อชดเชย อ่านข่าวเพิ่มเติม: Steel Orbis
2. จีนสต็อกเหล็ก 5 ผลิตภัณฑ์หลักเพิ่มขึ้น 0.7% หลังโรงงานกลับมาเดินเครื่อง
29 กันยายน 2025 ● คลังเหล็ก 5 ชนิดหลัก (Rebar, Wire Rod, HRC, CRC, Plate) รวม 4.21 ล้านตัน (+0.7% WoW)
● การผลิตกลับมาหลังการซ่อมบำรุงโรงงาน
● ปริมาณซื้อขายซบเซา โดยเฉพาะภาคใต้จีนที่ได้รับผลกระทบจากไต้ฝุ่น
● การซื้อขายเหล็กก่อสร้างเฉลี่ยทั่วประเทศ 102,444 ตัน/วัน (-5% WoW)
● ความต้องการในภาคตะวันออกและเหนือปรับดีขึ้นเล็กน้อยจากการตุนสินค้า
● ราคาตลาดผันผวน: เหล็กเส้นคงที่ แต่ HRC ลดลงเล็กน้อย
● สต็อกในคลังพาณิชย์ 132 เมืองทั่วจีนลดลงเล็กน้อย (-1.4% WoW) ⚙️ ผลกระทบต่อไทย:
● ราคาส่งออกเหล็กไทยอาจถูกกดดันจากราคาจีนที่อ่อนตัว
● ผู้ผลิตไทยต้องระวังการแข่งขันด้านราคา โดยเฉพาะ HRC
● โอกาสเปิดสำหรับผู้ส่งออกไทยในกรณีที่จีนลดการส่งออกเพราะพายุ/ความไม่เสถียร อ่านข่าวเพิ่มเติม: SEAISI
3. จีนสั่งห้ามนำเข้าแร่เหล็กจาก BHP ชั่วคราว หลังเจรจาราคาล้มเหลว
30 กันยายน 2025 ● จีนสั่งผู้ผลิตเหล็กระงับซื้อแร่เหล็กจาก BHP ทั้งหมด (ซื้อขายด้วย USD)
● คำสั่งจาก China Mineral Resources Group (CMRG) เพื่อกดดันราคา
● BHP เป็นบริษัทเหมืองใหญ่สุดในโลก ผลกำไรลดลงแตะระดับต่ำสุดรอบ 5 ปี
● การแบนครั้งนี้มีสาเหตุจากความขัดแย้งเรื่องราคาแร่เหล็กชนิด Jimblebar
● จีนเป็นผู้นำเข้าแร่เหล็กรายใหญ่ที่สุดของโลก (~75% ของการขนส่งทางเรือโลก)
● มาตรการนี้อาจทำให้ตลาดโลกผันผวน โดยเฉพาะออสเตรเลีย–จีน
● สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อห่วงโซ่อุปทานเหล็กโลก ⚙️ ผลกระทบต่อไทย:
● ราคาวัตถุดิบ (iron ore) ในตลาดโลกอาจผันผวนรุนแรง ส่งผลต่อต้นทุนไทย
● ผู้ผลิตไทยอาจได้ประโยชน์จากราคาลดลงระยะสั้น แต่เสี่ยงความผันผวนสูง
● ไทยควรหาทางกระจายแหล่งนำเข้าแร่เหล็ก เพื่อลดการพึ่งพาตลาดโลกที่ไม่แน่นอน อ่านข่าวเพิ่มเติม: RYT9
4. มาเลเซียเสนอจัดตั้ง “สภาเหล็กอาเซียน” เพื่อความร่วมมือด้านการค้าและเทคโนโลยี
1 ตุลาคม 2025
● ข้อเสนอจากรองรมว.การค้าและอุตสาหกรรมมาเลเซีย (MITI)
● วัตถุประสงค์: G2G ระหว่างอาเซียนในด้าน กำลังการผลิต, มาตรฐาน, การค้า, เทคโนโลยี
● ประเทศเข้าร่วม: ฟิลิปปินส์, ไทย, เวียดนาม, เมียนมา
● เสนอขยายความร่วมมือถึงจีน (ผ่าน CISA – China Iron and Steel Association)
● ความต้องการเหล็กใน ASEAN-6 ปี 2023: 74 ล้านตัน (ใกล้ระดับ peak 2019 = 80 ล้านตัน)
● 5 วาระหลัก: จัดการกำลังการผลิต, decarbonisation, steel standards, technical cooperation, trade remedies
● การจัดประชุมต่อเนื่อง: ฟิลิปปินส์เจ้าภาพปี 2026 ⚙️ ผลกระทบต่อไทย:
● ไทยได้ประโยชน์จากการเป็นส่วนหนึ่งของ ASEAN Steel Council หากเกิดขึ้นจริง
● เปิดโอกาสการค้าภูมิภาคมากขึ้น ลดการพึ่งตลาดจีน/สหรัฐ
● ไทยต้องเร่งยกระดับมาตรฐานเหล็กก่อสร้างและ green steel ให้สอดคล้องภูมิภาค อ่านข่าวเพิ่มเติม: SEAISI
5. เตรียมลดโควตานำเข้าเหล็กครึ่งหนึ่ง พร้อมขึ้นภาษี 50%
2 ตุลาคม 2025
● EU เตรียมประกาศมาตรการใหม่ 7 ต.ค. 2025
● โควตานำเข้าจะถูกหั่นลงเกือบครึ่งจากเดิม
● ปริมาณนำเข้าเกินโควตาจะถูกเก็บภาษี 50% (จากเดิม 25%)
● เป้าหมาย: สกัดเหล็กล้นตลาด โดยเฉพาะจากจีน
● สอดคล้องกับมาตรการสหรัฐและแคนาดา
● Safeguard ปัจจุบันจะหมดอายุปี 2026 (WTO rules
● มาตรการใหม่ยังครอบคลุม scrap และ aluminium บางส่วน ⚙️ ผลกระทบต่อไทย:
● ไทยอาจเผชิญแรงกดดันการส่งออกไป EU มากขึ้นจากโควตาลดลง
● ราคาตลาดโลกเสี่ยงผันผวนขึ้น หาก supply ลดลงจริง
● ไทยต้องเร่งปรับกลยุทธ์ส่งออกและเน้นตลาดที่ยังเปิดเสรี เช่น ตะวันออกกลาง อ่านข่าวเพิ่มเติม: SEAISI
6. ปัญหานำเข้าเศษเหล็กค้างท่าเรือไทย หลังปนซากอิเล็กทรอนิกส์
3 ตุลาคม 2025
● บริษัทลูกของ มิลล์คอน (Westech Exponential) ติดปัญหานำเข้าเศษเหล็ก 2,000 ตัน
● ถูกศุลกากรตรวจพบเศษซากอิเล็กทรอนิกส์ปะปน แม้มีสัดส่วน <1%
● ติดขัดข้อกฎหมาย พ.ร.บ.วัตถุอันตราย 2562 และกฎหมายห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ 2568
● เสินค้าค้างท่าเรือกว่า 7 เดือน เสียค่าใช้จ่ายแล้วกว่า 50 ล้านบาท
● กรมโรงงานฯ เตรียมหารือ ก.พาณิชย์ – ก.ทรัพยากรฯ เพื่อหาทางออก
● ภาพรวมตลาดเหล็กในประเทศยังซบเซา แม้บริษัทแม่เพิ่งกลับมาเปิดไลน์รีดเหล็ก ⚙️ ผลกระทบต่อไทย:
● เพิ่มความเสี่ยงด้าน supply chain เหล็กรีไซเคิล ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญ
● กฎหมายที่ไม่ชัดเจนอาจกระทบธุรกิจรีไซเคิลเหล็กในวงกว้าง
● อาจทำให้ต้นทุนผู้ผลิตไทยสูงขึ้น หากขาดแคลนเศษเหล็กคุณภาพ อ่านข่าวเพิ่มเติม: ประชาชาติ
6. สรุป
● ข่าวสำคัญรอบนี้เน้นไปที่ จีน (สต็อก–แบน BHP), สหรัฐ (การผลิตเพิ่ม), EU (กีดกันการนำเข้า), อาเซียน (เสนอ ASEAN Steel Council), และปัญหาภายในไทย (เศษเหล็ก)
● แนวโน้มสำคัญคือ มาตรการปกป้องการค้าเหล็กทั่วโลกเข้มข้นขึ้น, ในขณะที่ จีนยังมีอิทธิพลต่อ supply chain และ ไทยต้องเร่งปรับตัวด้านกฎหมาย–มาตรฐาน–ตลาดส่งออก
26 กันยายน 2025

ข่าวสาร วงการเหล็ก 22–28 กันยายน 2025

ข่าวสาร วงการเหล็ก 22–28 กันยายน 2025 1. นโยบายอุตสาหกรรมเหล็กจีน 2025–2026: มุ่งคุณภาพ-สีเขียว-ดิจิทัล (23 ก.ย. 2025) ● จีนตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าเพิ่มอุตสาหกรรมเหล็ก 4% ต่อปี
● มุ่งปรับโครงสร้างโรงงานและเพิ่มผลผลิตคุณภาพสูง
● สนับสนุนเทคโนโลยี hydrogen metallurgy, electric furnace, specialty steel
● มุ่งลดมลพิษ-ปล่อยคาร์บอนต่ำ และส่งเสริมดิจิทัล เช่น AI และ carbon footprint tracking ⚙️ ผลกระทบต่อไทย:
● ไทยอาจต้องปรับตัวด้าน green steel และมาตรฐานสิ่งแวดล้อม เพื่อรักษาความสามารถแข่งขัน
● มีโอกาสเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ และพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงเพื่อตลาดโลก อ่านข่าวเพิ่มเติม: SEAISE
2. ภาวะตลาดหุ้นโตเกียวหนุนอุตสาหกรรมโลหะและเทคโนโลยี (24 ก.ย. 2025) ● ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ 45,630.31 จุด เพิ่มขึ้น 136.65 จุด (+0.30%) ทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง 2 วัน
● หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและโลหะนอกกลุ่มเหล็กเป็นตัวนำตลาด
● SoftBank Group ราคาพุ่ง 6% หลังประกาศสร้างศูนย์ข้อมูล AI 5 แห่งในสหรัฐฯ
● นักลงทุนมองแนวโน้มเฟดลดดอกเบี้ย และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจญี่ปุ่นเป็นปัจจัยบวก ⚙️ ผลกระทบต่อไทย:
● ราคาหุ้นกลุ่มโลหะนอกกลุ่มเหล็กฟื้นตัว ช่วยกระตุ้นความสนใจลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
● นักลงทุนไทยอาจพิจารณาขยายพอร์ตลงทุนในหุ้นหรือบริษัทที่เกี่ยวข้องกับโลหะและเทคโนโลยี อ่านข่าวเพิ่มเติม: RYT9
3. นิกเกอิแตะนิวไฮ 3 วันติด หุ้นส่งออกหนุนตลาด (25 ก.ย. 2025) ● ดัชนีนิกเกอิปิดตลาด 45,754.93 จุด เพิ่มขึ้น 124.62 จุด (+0.27%) ทำนิวไฮ 3 วันติด
● หุ้นกลุ่มส่งออกและโลหะนอกกลุ่มเหล็กปรับตัวสูงขึ้น หลังค่าเงินเยนอ่อน
● นักลงทุนขายทำกำไรหุ้นเซมิคอนดักเตอร์บางตัว แต่ตลาดได้รับแรงซื้อจากยานยนต์และเครื่องจักรส่งออก
● หุ้นธนาคารปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากคาดการณ์ว่า BOJ อาจขึ้นดอกเบี้ย ⚙️ ผลกระทบต่อไทย:
● การอ่อนค่าเยนช่วยให้บริษัทญี่ปุ่นสามารถแข่งขันด้านราคาส่งออกโลหะและเหล็กในเอเชีย
● ผู้ผลิตเหล็กไทยอาจเผชิญการแข่งขันด้านราคาและต้องเน้นคุณภาพและบริการเพื่อรักษาตลาด อ่านข่าวเพิ่มเติม: RYT9
4. การผลิตเหล็กโลกเดือนสิงหาคม 2025: จีนชะลอ อินเดียโตแรง (25 ก.ย. 2025) ● การผลิตเหล็กดิบทั่วโลก 145.3 ล้านตัน (+0.3% YoY)
● จีน 77.4 ล้านตัน (-0.7%), อินเดีย 14.1 ล้านตัน (+13.2%), สหรัฐฯ 7.2 ล้านตัน (+3.2%)
● ยุโรปและเกาหลีใต้ลดการผลิตหลายประเทศ ขณะที่ตะวันออกกลางเติบโตสูงสุด +21.5%
● การชะลอตัวในจีนเกิดจากมาตรการควบคุมมลพิษและปรับสมดุลตลาด ⚙️ ผลกระทบต่อไทย:
● ลดแรงกดดันด้านอุปทานจากจีน ช่วยให้ผู้ผลิตไทยปรับราคาหรือเพิ่มกำไรได้
● โอกาสส่งออกไปยังประเทศที่จีนลดปริมาณส่งออก หรือผู้ใช้ในภูมิภาคหันมาซื้อเหล็กไทย อ่านข่าวเพิ่มเติม: SEAISI
5. สหรัฐฯ ลดการนำเข้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเดือนสิงหาคม 2025 (25 ก.ย. 2025) ● การนำเข้าเหล็กแผ่นรีดร้อนลดลง 16.8% เมื่อเทียบเดือนก่อนหน้า
● แหล่งนำเข้าหลัก: แคนาดา, บราซิล, เม็กซิโก
● ผลิตภัณฑ์เหล็กสำเร็จรูปที่ลดนำเข้า ได้แก่ steel for oil industry, galvanized steel, cold-rolled coil
● สหรัฐฯ ลดนำเข้า 7% เมื่อเทียบปีต่อปี (ม.ค.–ส.ค.) ⚙️ ผลกระทบต่อไทย:
● อุปสงค์จากสหรัฐฯ ลดลง อาจลดแรงกดดันราคาสินค้าเหล็กโลก
● ผู้ผลิตไทยสามารถมุ่งตลาดภูมิภาคเอเชียแทน และปรับกลยุทธ์ส่งออก อ่านข่าวเพิ่มเติม: GMK Center
6. ตลาดเหล็กอาเซียน: เวียดนามชะลอ-สัญญา FTA ไทย-สหภาพยุโรปคืบหน้า (25 ก.ย. 2025) ● ตลาดเหล็กยาวในเวียดนามชะลอตัว เนื่องจากฤดูฝนและความต้องการลดลง
● ราคาทรงตัวจากต้นทุนวัตถุดิบสูง
● สหภาพยุโรปเจรจา FTA กับไทย, ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย คาดสรุปปีหน้า
● FTA ช่วยขยายโอกาสส่งออกและลดอุปสรรคทางภาษี ⚙️ ผลกระทบต่อไทย:
● โอกาสขยายตลาดส่งออกไป EU เพิ่มขึ้นหลัง FTA มีผล
● ผู้ผลิตไทยต้องปรับมาตรฐานและคุณภาพเพื่อตอบสนองความต้องการตลาดยุโรป อ่านข่าวเพิ่มเติม: Reuters
 
20 กันยายน 2025

ข่าวสาร วงการเหล็ก 15–21 กันยายน 2025

ข่าวสาร วงการเหล็ก 15–21 กันยายน 2025 1. จีนคุมเข้มการผลิตถ่านหิน-เหล็ก ฉุดผลผลิตเดือน ส.ค. ลดลง (15 ก.ย. 2025) ● ผลผลิตถ่านหินลดลง 3.2% อยู่ที่ 391 ล้านตัน
● ผลผลิตเหล็กลดลง 0.7% อยู่ที่ 77.4 ล้านตัน
● มาตรการควบคุมมลพิษและลดความเสี่ยงในมณฑลเหอเป่ยเป็นปัจจัยกดดัน
● อัตราเงินฝืดภาคโรงงานลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ⚙️ ผลกระทบต่อไทย:
● อาจลดแรงกดดันด้านราคาสินค้าเหล็กนำเข้าจากจีนระยะสั้น
● ผู้ผลิตไทยมีโอกาสปรับตัวด้านปริมาณและคุณภาพเพื่อแข่งขันในตลาดเอเชีย อ่านข่าวเพิ่มเติม: RYT9
2. การผลิตเหล็กรีบาร์ในจีนลดลง 3% สัปดาห์ต่อสัปดาห์ (15 ก.ย. 2025) ● ผลิตภัณฑ์เหล็กรีบาร์ใน 137 โรงเหล็กจีนที่ Mysteel ติดตาม ลดลง 3.1% ระหว่างวันที่ 4-10 ก.ย. จากสัปดาห์ก่อนหน้า
● แม้จะลดลงเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า แต่ยังสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
● ปริมาณสินค้าคงคลัง (inventory) ลดลงเล็กน้อยในโรงงานเหล่านั้น
● ผู้ใช้ปลายทางบางส่วนเริ่มกลับมาสั่งซื้อหลังจากที่การจำกัดการใช้งานถนน-ถนนสำหรับพิธีสวนสนามในปักกิ่งสิ้นสุดลง ⚙️ ผลกระทบต่อไทย:
● ถ้าจีนลดผลิตเหล่านี้จริง อาจลดแรงกดดันด้านอุปทานเหล็กส่งออกมายังเอเชีย รวมถึงไทย → ราคานำเข้าเหล็กอาจปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย
● สินค้านำเข้ารีบาร์หรือเหล็กโครงสร้างอื่นอาจมีต้นทุนลดลง ส่งผลบวกต่อผู้ใช้เหล็ก (ก่อสร้าง, โครงสร้างพื้นฐาน)
● ผู้ผลิตไทยที่ผลิตรีบาร์/เหล็กโครงสร้างสามารถใช้ช่วงเวลานี้เพิ่มยอดขายภายในประเทศถ้าใช้จุดแข็งด้านคุณภาพและบริการได้ดี อ่านข่าวเพิ่มเติม: SEAISI
3. “เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย” ชวนจับตาคลื่นการลงทุนอาเซียนยุคใหม่ (16 ก.ย. 2025) ● ภูมิภาคอาเซียนเตรียมลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 26 ล้านล้าน USD ภายในปี 2030
● โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่สร้างความต้องการเหล็ก ลวด ท่อ และโลหะคุณภาพสูง
● ไทยเตรียมร่วมงาน Wire & Tube Southeast Asia 2025 เพื่อโชว์ศักยภาพอุตสาหกรรม ⚙️ ผลกระทบต่อไทย:
● โอกาสส่งออกเหล็กและวัสดุก่อสร้างคุณภาพสูงในอาเซียนเพิ่มขึ้น
● ส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์เหล็กสีเขียว (Green Steel) และเทคโนโลยีทันสมัย
● ต้องปรับตัวด้านมาตรฐานและคุณภาพเพื่อตอบสนองเมกะโปรเจกต์ในภูมิภาค อ่านข่าวเพิ่มเติม: RYT9
4. ราคาฟิวเจอร์สินค้าเหล็กและวัตถุดิบหลักจีนปรับตัวที่ตลาดอนุพันธ์จีน (ฟิวเจอร์) (16 ก.ย. 2025) ● ราคาฟิวเจอร์ของ Rebar ที่ตลาด Shanghai Futures Exchange = RMB 3,166/ตัน (~US$446/ตัน)
● ราคาวัตถุดิบเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กอื่น ๆ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยตามแนวโน้ม demand และต้นทุนวัตถุดิบที่อยู่ในระดับสูง
● ความเคลื่อนไหวราคาฟิวเจอร์สะท้อนความกังวลของตลาดทั้งเรื่องกำลังการผลิตและต้นทุนการผลิตที่อาจเพิ่มขึ้น ⚙️ ผลกระทบต่อไทย:
● ราคาวัตถุดิบเหล็กนำเข้า (เช่น เหล็กรูปพรรณหรือรีบาร์) อาจสูงขึ้น ถ้าราคาฟิวเจอร์ในจีนขยับขึ้นมาก → กระทบต้นทุนผู้ผลิตไทย
● ผู้ซื้อในไทยอาจต้องเตรียมงบประมาณให้ดีขึ้นเผื่อราคาผันผวน
● แต่หากไทยสามารถรักษาคุณภาพหรือมีโครงสร้างต้นทุนที่แข่งขันได้ อาจได้ประโยชน์จากตลาดจีนที่อาจเริ่มคุมการส่งออก อ่านข่าวเพิ่มเติม: Steel Orbis
5. CHOW เสริมทัพความแข็งแกร่ง คว้าใบรับรอง “คาร์บอนฟุตพริ้นท์” (17 ก.ย. 2025) ● CHOW ได้รับฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ CFP เพิ่ม 6 ผลิตภัณฑ์
● ครอบคลุมเหล็กแท่งยาวและเหล็กข้ออ้อยหลายเกรด
● แสดงถึงความมุ่งมั่นลดก๊าซเรือนกระจกตั้งแต่การผลิตถึงจัดจำหน่าย ⚙️ ผลต่อเหล็กไทย:
● ยกระดับการแข่งขันในตลาดเหล็กไทยและภูมิภาค
● ส่งเสริมการผลิตเหล็กสีเขียวและการใช้เทคโนโลยีสะอาด
● ช่วยให้ผู้ผลิตไทยสามารถตอบสนองความต้องการตลาดสากลและ ESG ได้มากขึ้น อ่านข่าวเพิ่มเติม: RYT9
6. การทดลองใช้ไฮโดรเจนสีเขียวในการผลิตเหล็กของอินเดีย (17 ก.ย. 2025) ● SAIL (Steel Authority of India) เริ่มทดลองใช้ green hydrogen ในการผลิตเหล็ก (green steel) เพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เหล็กที่ปล่อยคาร์บอนต่ำลง
● โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายส่งเสริมเหล็กสีเขียวของรัฐบาลอินเดีย มุ่งให้โรงงานเหล็กใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น ⚙️ ผลต่อเหล็กไทย:
● เป็นตัวอย่างแนวทางที่ไทยอาจเรียนรู้และนำมาปรับใช้ (green steel) เพื่อการแข่งขันในตลาดที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
● หากตลาดส่งออกในอนาคตคาดหวังมาตรฐานคาร์บอนต่ำ ไทยที่ไม่ปรับตัวอาจถูกกีดกันทางการค้า
● ผู้ผลิตรายใหญ่ในไทยอาจต้องลงทุนวิจัย/ปรับแต่งเทคโนโลยีใหม่ เช่น ใช้ไฮโดรเจน, ลดการปล่อยก๊าซ, เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน อ่านข่าวเพิ่มเติม: Steel Orbis
7. เหล็กไทยยังคงวิ่งสู้ฟัดเหล็กนำเข้า “นาวา” เชื่อมั่นรัฐบาลจะเฟ้นหามือดีกล้าร่วมรบกล้าปกป้อง (18 ก.ย. 2025) ● กำลังการผลิตเหล็กโลกเกินความต้องการ 700 ล้านตันต่อปี
● จีนส่งออกเหล็กทุ่มตลาดไปยังประเทศอ่อนมาตรการ รวมไทยด้วย
● ไทยใช้เหล็กนำเข้ามากเกินไป ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความมั่นคง
● ผู้ประกอบการไทยเน้นพัฒนาคุณภาพและเทคโนโลยีขั้นสูง
● รัฐบาลควรเร่งมาตรการ AD, CVD, AC และ SG ปกป้องผู้ผลิตในประเทศ ⚙️ ผลต่อเหล็กไทย:
● อุตสาหกรรมเหล็กพื้นฐานของไทยเผชิญความยากลำบากจากเหล็กทุ่มตลาด
● การนำเข้าสินค้าจำนวนมากทำให้การแข่งขันด้านราคากดดันผู้ผลิตในประเทศ
● การพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ขั้นสูงมีความจำเป็นเพื่อความยั่งยืน
● การปรับปรุงมาตรฐานและคุณภาพเหล็กไทยช่วยรักษาความสามารถแข่งขันในภูมิภาค อ่านข่าวเพิ่มเติม: ไทยรัฐ
8. การผลิตเหล็กดิบในเขตสำคัญของจีนลดลงเมื่อเทียบปีต่อปี (ม.ค.-ส.ค.) (19 ก.ย. 2025) ● ผลิตเหล็กดิบรวมใน 10 มณฑลสำคัญของจีนลดลง 3.2% YoY (ม.ค.-ส.ค.) เป็น 482.5 ล้านตัน
● ในเดือนส.ค. alone มณฑลหลายแห่งอัตราการลดระบุ เช่น เฮเป่ยลด 3.9% ฯลฯ
● การควบคุมมลพิษท้องถิ่น, มาตรการจำกัดโรงงาน, กิจกรรมผลิตลดลงเป็นต้นเหตุหลัก
● อัตรากำลังการใช้เตาหลอมของโรงเหล็ก blast-furnace ยังอยู่ในระดับสูงโดยเฉลี่ยประมาณ 90% แต่ผลกำไรเริ่มถูกกดดันจากราคาที่ลดลงและต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น ⚙️ ผลต่อเหล็กไทย:
● ถ้าจีนลดการผลิตและส่งออกลงอย่างต่อเนื่อง อาจลดแรงกดดันด้านอุปทานเหล็กในตลาดโลก → ช่วยให้ตลาดไทยมีโอกาสรักษาหรือเพิ่มราคาขายสินค้าตนเอง
● แต่ตลาดวัตถุดิบ (เหล็กดิบ, แร่เหล็ก, ถ่านโค้ก) อาจได้รับผลกระทบด้านการขาดแคลน/ต้นทุนสูงขึ้นหากจีนควบคุมการผลิตหรือส่งออกเข้มงวด
● ผู้ผลิตไทยที่พึ่งพาเหล็กดิบ/วัตถุดิบนำเข้าอาจต้องเผชิญต้นทุนสูงขึ้นและเพิ่มระยะเวลาการจัดหา อ่านข่าวเพิ่มเติม: SEAISI
13 กันยายน 2025

ข่าวสาร วงการเหล็ก 8–14 กันยายน 2025

ข่าวสาร วงการเหล็ก 8–14 กันยายน 2025 1. ส่งออกไทยภายใต้กรอบ CBAM โตแกร่ง 29% เหล็กและเหล็กกล้า หัวหอก (8 ก.ย. 2025) ● ครึ่งปีแรก 2568 ส่งออกไทยภายใต้ CBAM อียูโต 29.08% มูลค่า 203.63 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
● สินค้าเหล็กและเหล็กกล้า ครองสัดส่วน 83.38% (169.78 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ขยายตัวแรง 40.36%
● ตรงข้ามกับการส่งออกเหล็กไทยไปตลาดโลกที่หดตัว 15.19%
● อะลูมิเนียมไทยส่งออกไปอียู 33.85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 7.99%
● CBAM เต็มรูปแบบเริ่ม 1 ม.ค. 2569 ผู้ส่งออกต้องยื่น CBAM Certificate สะท้อนปริมาณคาร์บอน
● ภาคธุรกิจไทยต้องลงทุนเทคโนโลยีสะอาด–จัดทำข้อมูล Embedded Emission เพื่อแข่งขันได้ ⚙️ ผลกระทบต่อไทย:
● เหล็กไทยได้โอกาสเจาะตลาดอียูเพิ่มขึ้น เพราะปรับตัวตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อมได้เร็ว
● ต้นทุนการตรวจสอบคาร์บอนและลงทุนเทคโนโลยีสะอาดอาจกดดันผู้ประกอบการรายเล็ก
● ระยะยาว ผู้ประกอบการที่ปรับตัวได้ จะมีแต้มต่อทั้งในอียู และตลาดที่กำลังใช้มาตรการคล้าย CBAM เช่น สหรัฐ, อังกฤษ, ออสเตรเลีย อ่านข่าวเพิ่มเติม: ข่าวสด
2. สรุปสถานการณ์ตลาดเหล็กจีน (8 ก.ย. 2025) ● ราคาเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ (section steel) ใน Tangshan ทรงตัวที่ 3,310–3,330 หยวน/ตัน
● ราคาเหล็กแผ่นหน้าแคบ–กลางอยู่ที่ 3,240 หยวน/ตัน กว้าง 3,290–3,310 หยวน/ตัน
● กิจกรรมซื้อขายซบเซา ผู้ประกอบการรอดูสถานการณ์
● บิลเล็ตคาร์บอน ex-works ลดลงเล็กน้อยเหลือ 2,980 หยวน/ตัน
● คาดการณ์สัปดาห์นี้ (8–12 ก.ย.) ราคายังผันผวน อุปทานเพิ่มแต่ความต้องการยังอ่อนแอ ⚙️ ผลกระทบต่อไทย:
● ราคานำเข้าเหล็กจากจีนมีแนวโน้มถูกลง กดดันโรงรีดในประเทศ
● ผู้ใช้เหล็ก (ก่อสร้าง–เครื่องจักร) ได้ประโยชน์จากต้นทุนที่ลดลง
● แต่การแข่งขันด้านราคาจะรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะสินค้านำเข้าจากจีน อ่านข่าวเพิ่มเติม: SteelHome
3. แคนาดากำหนดภาษี AD สำหรับลวดเหล็กจาก 10 ประเทศ (9 ก.ย. 2025) ● CBSA ตัดสินมีการทุ่มตลาดลวดเหล็กจาก 10 ประเทศ รวมไทย
● อัตราภาษีชั่วคราว:
• จีน 114.2% | จีนไทเป–อินเดีย–อิตาลี–สเปน 138.6%
• ไทย 15.9–29.6% | ตุรกี 24.3–79.6% | เวียดนาม 13.4–138.6%
• มาเลเซีย 3.7–16.6% | โปรตุเกส 5.1–43.5%
● สอบสวนเริ่ม เม.ย. 2025 หลังผู้ผลิตท้องถิ่นร้องเรียนเรื่องการตัดราคา ⚙️ ผลต่อเหล็กไทย:
● ผู้ส่งออกไทยเสียเปรียบเพราะเจอภาษีนำเข้าสูง → ลดโอกาสเจาะตลาดแคนาดา
● อาจต้องหันไปตลาดอื่น เช่น อเมริกาใต้ ตะวันออกกลาง
● เป็นสัญญาณว่าไทยต้องระวังการถูกฟ้อง AD มากขึ้นในตลาดโลก อ่านข่าวเพิ่มเติม: SEAISI
4. เกาหลีใต้เก็บภาษีนำเข้า Hot-rolled Steel จากจีนและญี่ปุ่น (10 ก.ย. 2025) ● เกาหลีใต้เก็บภาษี AD ชั่วคราว 28.16–33.57% กับเหล็กแผ่นรีดร้อน (HRC) จากจีนและญี่ปุ่น
● ครอบคลุมสินค้า HRC ทั้ง coil, sheet, plate และ HS code หลายรายการ
● บังคับใช้ 4 เดือน (ก.ย. 2025 – ม.ค. 2026)
● เกิดจากข้อร้องเรียนว่ามีการทุ่มตลาดในตลาดเกาหลี ⚙️ ผลต่อเหล็กไทย:
● ผู้ผลิต HRC ไทยอาจได้อานิสงส์ เนื่องจากจีน–ญี่ปุ่นถูกเก็บภาษี ทำให้การแข่งขันในตลาดเกาหลีน้อยลง
● โอกาสในการขยายการส่งออกเหล็กไทยไปเกาหลีมีมากขึ้น
● แต่ระยะสั้นอาจกระทบราคาตลาดเอเชียหากจีนระบายสินค้าส่วนเกินไปยังประเทศอื่น อ่านข่าวเพิ่มเติม: Steel Orbis
5. การส่งออกเหล็กของจีนเดือนสิงหาคมแตะ 9.51 ล้านตัน (11 ก.ย. 2025) ● ส.ค. 2025 จีนส่งออกเหล็ก 9.51 ล้านตัน (+0.2% YoY)
● นำเข้าเหล็ก 0.5 ล้านตัน (-1.8% YoY)
● ม.ค.–ส.ค. 2025 ส่งออกเหล็กรวม 77.49 ล้านตัน (+10% YoY)
● นำเข้ารวม 3.98 ล้านตัน (-14.1% YoY)
● ส.ค. นำเข้าแร่เหล็ก 105.2 ล้านตัน (+3.8% YoY) ราคาเฉลี่ย 92.7 USD/ตัน
● ม.ค.–ส.ค. นำเข้าแร่เหล็กสะสม 801.6 ล้านตัน (-1.6% YoY) ⚙️ ผลต่อเหล็กไทย:
● จีนยังคงเป็นผู้ส่งออกหลักในตลาดโลก กดดันราคาเหล็กในภูมิภาค
● ไทยเสี่ยงถูกเหล็กราคาถูกจากจีนไหลเข้า
● ผู้ใช้เหล็กไทยอาจได้ประโยชน์ต้นทุนต่ำ แต่ผู้ผลิตในประเทศเจอการแข่งขันรุนแรง อ่านข่าวเพิ่มเติม: Steel Home
5 กันยายน 2025

ตะแกรงเหล็กไวร์เมชกับการสร้างพื้นปั๊มน้ำมัน

พื้นปั๊มน้ำมัน โครงสร้างที่ต้องการความแข็งแรงสูง
   การสร้าง พื้นปั๊มน้ำมัน ไม่ใช่แค่การเทพื้นคอนกรีตทั่วไป แต่ต้องเป็นโครงสร้างที่สามารถ รองรับแรงกดทับจากรถบรรทุกขนาดใหญ่, ทนต่อแรงกระแทกซ้ำ ๆ และ มีอายุการใช้งานยาวนาน เพราะพื้นในปั๊มน้ำมันต้องรองรับการใช้งานต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคืน อีกทั้งยังต้องรักษาความปลอดภัย และความสะอาดของพื้นที่ใช้งาน    ด้วยเหตุนี้ วัสดุเสริมแรงในพื้นปั๊มน้ำมันจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง หนึ่งในวัสดุที่ได้รับความนิยมและยอมรับในระดับสากลก็คือ ตะแกรงเหล็กไวร์เมช (Wire Mesh) ซึ่ง WMI Group เป็นผู้นำด้านการผลิตและจัดจำหน่ายที่มีประสบการณ์มากกว่า 31 ปี ทำไมพื้นปั๊มน้ำมันต้องใช้ “ตะแกรงเหล็กไวร์เมช” ● จากข้อมูลของ California Wire Products ระบุว่า Welded Wire Mesh ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้คอนกรีต ลดการแตกร้าว และกระจายแรงดึงได้ทั่วถึงกว่าการใช้เหล็กเส้นแบบเดิม (Rebar) นอกจากนี้ยังติดตั้งง่ายกว่าและประหยัดต้นทุนแรงงาน ● ในเอกสารโครงการก่อสร้างปั๊มน้ำมันจาก eltownhall.com มีการกำหนดว่า พื้นปั๊มน้ำมันต้องใช้ คอนกรีตหนา 8 นิ้ว (ประมาณ 20 ซม.) และเสริมด้วย Wire Mesh 6×6 #8 พร้อมกำหนดค่าความแข็งแรงคอนกรีตขั้นต่ำที่ 4,000 psi สิ่งนี้สะท้อนว่า ไวร์เมชเป็นมาตรฐานสำคัญที่ใช้จริงในการสร้างสถานีบริการน้ำมัน ทั่วโลก ● นอกจากนี้ เว็บไซต์ Whitacre Rebar ยังยืนยันว่า Welded Wire Mesh ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายในโครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม Oil & Gas เช่น Pump Stations, Metering Stations และพื้นคอนกรีตที่ต้องรับแรงหนักต่อเนื่อง ทำไม “ตะแกรงไวร์เมช” จึงกลายเป็นทางเลือกยอดนิยม ● เพิ่มความทนทานและลดการแตกร้าว จาก California Wire Products ระบุว่า การเสริมคอนกรีตด้วย Welded Wire Mesh (ตะแกรงเชื่อม) จะช่วยเพิ่มความต้านแรงดึง ลดการแตกร้าว และกระจายแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้ Rebar เพียงตัวเดียว ● ใช้งานจริงในงานปั๊มน้ำมัน จากเอกสารโครงการส่วนหนึ่ง พบว่าการสร้างพื้นปั๊มน้ำมันกำหนดไว้ชัดว่าต้องใช้ คอนกรีตหนา 8 นิ้ว (ประมาณ 20 ซม.) และเสริมด้วย Wire Mesh 6×6 #8 นอกจากนี้ยังกำหนดค่าความแข็งแรงขั้นต่ำของคอนกรีตที่ 4,000 psi ซึ่งแสดงว่าไวร์เมชเป็นวัสดุเสริมหลักที่ใช้กันในมาตรฐานงานระดับสากล ● นิยมใช้งานในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ Whitacre Rebar ให้บริการ Wire Mesh ให้กับโครงการในอุตสาหกรรม Oil & Gas เช่น Pump Stations, Metering Stations, และโครงสร้างที่ต้องรับแรงสูง ● ติดตั้งง่ายและประหยัดเวลา ตามข้อมูลจาก Wikipedia, ตะแกรงไวร์เมชถูกผลิตล่วงหน้าเป็นแผง เหมาะกับการใช้งานจริง ไม่ต้องผูกเหล็กเส้นแบบเดี่ยวทั้งแผ่น ช่วยลดเวลาและแรงงานในการติดตั้ง ประโยชน์ของตะแกรงเหล็กไวร์เมชในงานปั๊มน้ำมัน ● กระจายแรงได้สม่ำเสมอ
ลดโอกาสเกิดรอยแตกร้าวในคอนกรีต ● ทนต่อแรงกดทับสูง
รองรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่เข้า-ออกปั๊มทุกวัน ● ติดตั้งง่าย รวดเร็ว
ลดเวลาการทำงานและความผิดพลาดเมื่อเทียบกับการผูกเหล็กเส้นทีละเส้น ● อายุการใช้งานยาวนาน
ช่วยยืดอายุพื้น ลดค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงในอนาคต ทำไมต้องเลือกตะแกรงเหล็กไวร์เมชจาก WMI Group    ในประเทศไทย WMI Group ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าหลายรายในการสร้างและปรับปรุง ปั๊มน้ำมัน เพราะเรามีจุดแข็งดังนี้ ● กระจายแรงได้สม่ำเสมอ
ลดโอกาสเกิดรอยแตกร้าวในคอนกรีต ● ทนต่อแรงกดทับสูง
รองรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่เข้า-ออกปั๊มทุกวัน ● ติดตั้งง่าย รวดเร็ว
ลดเวลาการทำงานและความผิดพลาดเมื่อเทียบกับการผูกเหล็กเส้นทีละเส้น ● อายุการใช้งานยาวนาน
ช่วยยืดอายุพื้น ลดค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงในอนาคต ทำไมต้องเลือกตะแกรงเหล็กไวร์เมชจาก WMI Group    ในประเทศไทย WMI Group ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าหลายรายในการสร้างและปรับปรุง ปั๊มน้ำมัน เพราะเรามีจุดแข็งดังนี้ ● มาตรฐานการผลิตระดับสากล ไวร์เมชจาก WMI Group ผลิตด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติทันสมัยตามกระบวนการ Electrical Resistance Welding (ERW) ที่ได้มาตรฐานและแม่นยำ ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นได้รับการรับรอง มาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก. 737-2549) และ MiT (Made in Thailand) ซึ่งเป็นการยืนยันว่าไวร์เมชของเราเป็นสินค้าคุณภาพสูงที่ผลิตในประเทศไทยและเชื่อถือได้ในระดับสากล ● โรงงาน 5 สาขาทั่วประเทศ หนึ่งในจุดแข็งสำคัญของ WMI Group คือการมี โรงงานกระจายตัวอยู่ 5 สาขาทั่วประเทศ ทำให้เราสามารถผลิตและจัดส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็ว เข้าถึงหน้างานก่อสร้างในทุกภูมิภาค ลดต้นทุนด้านเวลาและโลจิสติกส์ให้ลูกค้า คุณจึงมั่นใจได้ว่า โครงการจะดำเนินต่อเนื่อง ไม่สะดุด และตรงตามกำหนดเวลา ● ทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ นอกจากการผลิตและจัดจำหน่ายตะแกรงเหล็กไวร์เมชแล้ว WMI Groupยังมุ่งเน้นการบริการที่ครบวงจร เรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาใน การเลือกใช้ไวร์เมชที่เหมาะสมกับงานแต่ละประเภท รวมถึงบริการจัดส่งที่ตรงเวลา และการดูแลหลังการขายอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่า ลูกค้าทุกท่านจะได้รับทั้งผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดในทุกขั้นตอน ● ประสบการณ์กว่า 31 ปี เราสั่งสมประสบการณ์กว่า 31 ปีในวงการผลิตตะแกรงเหล็กไวร์เมช ทำให้เราเข้าใจทั้งมาตรฐานการผลิต ความต้องการของลูกค้า และความท้าทายของงานก่อสร้างทุกประเภท ประสบการณ์ที่ยาวนานนี้จึงเป็นหลักประกันว่า ลูกค้าจะได้รับ ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เสถียรภาพ และเชื่อถือได้จริง ดังนั้น หากคุณกำลังมองหา ตะแกรงเหล็กไวร์เมชคุณภาพสูง จากลวดเหล็กรีดเย็น WMI Group คือคำตอบที่มั่นใจได้สำหรับทุกโครงการก่อสร้าง สรุป การเลือกวัสดุเสริมแรงที่เหมาะสมไม่เพียงช่วยให้พื้นปั๊มน้ำมันแข็งแรงทนทานเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดเวลา ต้นทุน และเสริมความปลอดภัยในระยะยาว ไวร์เมช WMI ตอบโจทย์งานนี้ได้อย่างครบถ้วนทั้งเรื่องมาตรฐาน คุณภาพ และการบริการ สั่งไวร์เมชกับ WMI Group ง่ายๆ แค่ คลิก ติดต่อเราเพื่อขอใบเสนอราคา และ ปรึกษาเรื่องการใช้ไวร์เมช


2 กันยายน 2025

ข่าวสาร วงการเหล็ก 1–7 กันยายน 2025

ข่าวสาร วงการเหล็ก 1–7 กันยายน 2025 1. ตั้งรับส่งออกชะลอตัว (1 ก.ย. 2025) ● ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ก.ค. = 93.34 (-3.98%)
● การใช้กำลังการผลิตเพียง 57.37% → รถยนต์หดตัว กระทบการผลิต
● ส่งออก ก.ค. = 28,580.7 ล้านดอลลาร์ (+11%) โตต่อเนื่อง 13 เดือน
● แต่สหรัฐเริ่มเก็บ ภาษีตอบโต้ 19% กับสินค้าไทย → เสี่ยงคำสั่งซื้อลดลง ⚙️ ผลกระทบต่อไทย: ท่อเหล็กกล้าได้แรงหนุนระยะสั้น แต่ระยะยาวการส่งออกมีแนวโน้มชะลอ อ่านข่าวเพิ่มเติม: ประชาชาติธุรกิจ
2. จีนบีบโรงเหล็ก Tangshan ลดการผลิต (1 ก.ย. 2025) ● SteelHome เผย โรงงานเหล็ก Tangshan (21 แห่ง) ได้รับคำสั่ง ลดกำลังการผลิตเตาหลอม 40%
● ช่วง 31 ส.ค.–3 ก.ย. → หยุดเดินเตาหลอมรวม 27 แห่ง
● ทำให้ผลผลิต hot metal หายไป ~387,900 ตัน ⚙️ ผลกระทบต่อไทย: อุปทานเหล็กโลกตึงตัวระยะสั้น → ราคามีแนวโน้มขยับขึ้น เป็นโอกาสผู้ส่งออกไทย อ่านข่าวเพิ่มเติม: SteelHome
3. ตลาด HRC เอเชียซบเซา (2 ก.ย. 2025) ● ราคา HRC SS400 FOB จีน $470/ตัน (-$3)
● CFR เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ $481/ตัน (-$3)
● คำเสนอขายจีน $470–474/ตัน ลดลง $5–6 จากสัปดาห์ก่อน
● Demand ซบเซา เหตุสต็อกในประเทศสูง + ผู้ซื้อกดราคาลงต่ำกว่า $470/ตัน
● Vietnam หยุดวันชาติ ทำให้ตลาดเงียบ
● อินโดฯ คงราคา $490/ตัน FOB, สินค้ายังขายดีใน EU ⚙️ ผลต่อเหล็กไทย: HRC ถูกลง → กดต้นทุนเหล็กแผ่นในอุตสาหกรรมไทย อ่านข่าวเพิ่มเติม: news.metal.com
4. ราคา Shredded Scrap คงที่ในสหรัฐฯ Midwest (3 ก.ย. 2025) ● TSI Platts ประเมินราคา $380/lt (คงที่ตั้งแต่ 29 ส.ค.)
● คาดกันว่า ก.ย. อาจปรับลง $20/lt เพราะ demand อ่อนตัว ⚙️ ผลต่อเหล็กไทย: – อ่านข่าวเพิ่มเติม: S&P Global Commodity Insights
5. ตุรกีเก็บ AD duty เหล็กหนาจากเกาหลีใต้ (3 ก.ย. 2025) ● ตุรกีกำหนดภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) 4.34%–9.40%
● POSCO: 4.37%, Hyundai Steel: 4.34%, ผู้ผลิตอื่น: 9.40%
● ครอบคลุม HS code หลายรายการ มีผลตั้งแต่ 30 ส.ค. ⚙️ ผลต่อเหล็กไทย: ไทยอาจได้โอกาสส่งออกแทนเกาหลีใต้ หากแข่งขันได้ด้านราคา อ่านข่าวเพิ่มเติม: Steel Orbis
6. จีนวางแผนผลิตเหล็ก 5 ประเภท ก.ย. 2025 (3 ก.ย. 2025) ● Rebar: 13.75 Mt (+1.37% MoM
● Wire rod: 7.49 Mt (-5.47%)
● Medium plate: 7.11 Mt (-4.36%)
● HRC: 16 Mt (+1.27%)
● CRC: 3.53 Mt (-0.95%) ⚙️ ผลต่อเหล็กไทย: Oversupply HRC/Rebar จากจีน → กดดันราคาในภูมิภาค รวมถึงตลาดไทย อ่านข่าวเพิ่มเติม: Steel Orbis
7. จีน PMI ยังต่ำกว่า 50 แต่ความต้องการเหล็กยังทรงตัว (4 ก.ย. 2025) ● PMI ส.ค. = 49.4 (หดตัวต่อเนื่อง 5 เดือน)
● แต่ sub-index การผลิต = 50.8 (ขยายตัว 4 เดือนติด)
● Demand ยังแข็งแรงในรถยนต์, เครื่องใช้ไฟฟ้า, พลังงานใหม่ ⚙️ ผลต่อเหล็กไทย: แม้เศรษฐกิจจีนหด แต่ demand เหล็กจากอุตสาหกรรม downstream ยังดี → ไทยยังพอได้แรงหนุนในการค้าเหล็ก อ่านข่าวเพิ่มเติม: S&P Global Commodity Insights
8. ตลาด Billet เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผันผวน (5 ก.ย. 2025) ● Tangshan billet Q235 = 3,020 หยวน/ตัน (ทรงตัว)
● Rebar ปักกิ่ง HRB400 = 3,160 หยวน/ตัน (+10 หยวน)
● Billet ส่งออกจีน 3SP = $433 FOB (ทรงตัว)
● Manila billet 5SP = $449 CFR (-$5)
● Singapore rebar = $474 CFR (ทรงตัว)
● Mong Kong rebar offer $480–485 CFR ⚙️ ผลต่อเหล็กไทย: ราคาบิลเล็ตอ่อนตัว → กดดันต้นทุนผลิตเหล็กกึ่งสำเร็จรูปไทย, แข่งขันสูงขึ้นในตลาดฟิลิปปินส์/สิงคโปร์ อ่านข่าวเพิ่มเติม: DAIWA LANCE 9. Hoa Phat เวียดนามปรับขึ้นราคา HRC (5 ก.ย. 2025) ● ข้อเสนอ HRC SS400/SAE1006 (ไม่ skin pass)
• เหนือ/กลางเวียดนาม: $527/ตัน CIF
• ใต้เวียดนาม: $528/ตัน CIF
● ปรับขึ้น $10/ตัน MoM
● เหตุ: ภาษีจีนเข้ม + supply จีนหาย ทำให้ผู้ซื้อหันหาท้องถิ่น ⚙️ ผลต่อเหล็กไทย: ราคา HRC เวียดนามสูงขึ้น อาจเปิดโอกาสไทยส่งออก HRC แข่งขันได้ อ่านข่าวเพิ่มเติม: Steel Orbis
26 สิงหาคม 2025

ข่าวสาร วงการเหล็ก 25–31 สิงหาคม 2025

ข่าวสาร วงการเหล็ก 25–31 สิงหาคม 2025 1. ทรัมป์ขยาย ภาษีเหล็ก-อะลูมิเนียม 50% ครอบคลุมสินค้า 407 รายการใหม่ (25 ส.ค. 2025) ● มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 18 สิงหาคม 2025
● สินค้าที่ถูกเพิ่ม ได้แก่:
• เครื่องจักร
• เครื่องดับเพลิง
• วัสดุก่อสร้าง
• สารเคมีเฉพาะทาง
• ชิ้นส่วนรถยนต์
• พลาสติก
• ส่วนประกอบเฟอร์นิเจอร์ ● มูลค่าการนำเข้าที่ได้รับผลกระทบ 3.2 แสนล้านดอลลาร์
● เป้าหมาย: ปกป้องอุตสาหกรรมในสหรัฐฯ แต่เพิ่ม ต้นทุนสินค้าและเงินเฟ้อ
⚙️ ผลกระทบต่อไทย: ส่งออกไปสหรัฐฯ ลดลง ต้องปรับกลยุทธ์ตลาด แหล่งที่มา: ฐานเศรษฐกิจ
2. ทรัมป์ขู่รีดภาษีจีน 200% หากไม่ส่งออกแม่เหล็กแร่หายากให้สหรัฐฯ (26 ส.ค. 2025) ● ทรัมป์ขู่เก็บ ภาษีนำเข้าจากจีน 200% หากจีนไม่ส่งออก “แม่เหล็กแร่หายาก” ให้สหรัฐฯ
● ปัจจุบันจีนครองตลาด แม่เหล็กหายาก ~90% ของโลก มีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และพลังงานหมุนเวียน
● ทรัมป์ชี้ ชิ้นส่วนเครื่องบิน Boeing จะเป็นไพ่ต่อรอง หากจีนกีดกันการส่งออก
● การขู่ครั้งนี้เกิดขึ้นก่อน ข้อตกลงสงบศึกการค้า (ที่ลดภาษีเหลือ 55% และ 32%) จะหมดอายุใน พ.ย. 2025
● จีนเพิ่งฟื้นการส่งออกแม่เหล็กไปสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 660% (มิ.ย.) และ 76% (ก.ค.)
● หัวหน้าคณะเจรจาการค้าจีน เตรียมเดินทางไปวอชิงตันเพื่อหารือเพิ่มเติม ภาพรวมข่าว
● สหรัฐฯ กดดันจีนด้านวัตถุดิบสำคัญทางยุทธศาสตร์
● เกมการค้าระหว่างสองประเทศยังคงตึงเครียด และอาจกระทบ supply chain โลก ⚙️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหล็กไทย
● แม้ไม่เกี่ยวตรง แต่ แม่เหล็กแร่หายากเป็นวัตถุดิบสำคัญในยานยนต์ EV และอิเล็กทรอนิกส์ → หาก supply chain สะดุด อาจทำให้ความต้องการเหล็กในอุตสาหกรรมปลายน้ำผันผวน
● ไทยต้องจับตา ต้นทุนและทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์/พลังงานหมุนเวียน ที่ใช้เหล็กและแม่เหล็กร่วมกัน แหล่งที่มา: RYT9
3. สหรัฐฯ สั่งเก็บภาษี AD เหล็กนำเข้าจาก 10 ประเทศ (27 ส.ค. 2025) ● กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ออกมาตรการ เก็บภาษีทุ่มตลาด (AD) และ ภาษีตอบโต้ (CVD)
● ครอบคลุมมูลค่า 2.9 พันล้านดอลลาร์ จาก 10 ประเทศ:
ออสเตรเลีย, บราซิล, แคนาดา, เม็กซิโก, เนเธอร์แลนด์, แอฟริกาใต้, ไต้หวัน, ตุรกี, UAE, เวียดนาม
● เหล็กที่ถูกตรวจสอบคือ เหล็กทนการกัดกร่อน (Corrosion-Resistant Steel)
● ใช้ใน ยานยนต์, เครื่องใช้ไฟฟ้า, ก่อสร้าง
● เหตุผล: ประเทศเหล่านี้ขายถูก/มีการอุดหนุน → ทำให้ผู้ผลิตเหล็กในสหรัฐฯ เสียเปรียบ
● เป้าหมาย: ปกป้อง อุตสาหกรรมเหล็กและแรงงานอเมริกัน ภาพรวมข่าว
● สหรัฐฯ เดินเกมเข้มงวดด้านการค้ากับหลายประเทศ
● เน้นคุ้มครองผู้ผลิตภายในประเทศและลดการแข่งขันจากเหล็กนำเข้า ⚙️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหล็กไทย
● ไทย ไม่ได้อยู่ใน 10 ประเทศที่ถูกเก็บภาษีรอบนี้ → ถือเป็นช่องว่างในการส่งออก หากคู่แข่งเสียเปรียบด้านราคา
● แต่ต้องระวัง ความเสี่ยงอนาคต หากไทยถูกจับตามองเรื่องราคาหรือการอุดหนุน
● อุตสาหกรรมเหล็กไทยที่เกี่ยวกับ ยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า อาจได้รับอานิสงส์เล็กน้อยจากการถูกแทนที่ตลาด แหล่งที่มา: RYT9
4. นิกเกอิปิดบวก 308.52 จุด หุ้นเทคฯ พุ่งแรง รับผลประกอบการ Nvidia (28 ส.ค. 2025) ● วันที่ 28 ส.ค. 2025 ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ 42,828.79 จุด
➝ เพิ่มขึ้น +308.52 จุด (+0.73%) ● แรงหนุนหลัก
• หุ้นกลุ่ม เทคโนโลยี AI (เช่น SoftBank) หลังผลประกอบการ Nvidia แข็งแกร่ง
• หุ้นกลุ่ม เหมืองแร่, โลหะที่ไม่ใช่เหล็ก, บริษัทหลักทรัพย์
• หุ้นกลุ่ม พลังงานและ cyclical stocks ขยับขึ้นตามเศรษฐกิจโลกที่ยังแข็งแรง ● ช่วงบ่าย หุ้นบริษัทการค้าขนาดใหญ่พุ่งแรง หลัง Berkshire Hathaway ของ Warren Buffett เพิ่มสัดส่วนถือหุ้น Mitsubishi Corp. เกิน 10%
● นักวิเคราะห์ชี้ว่า แม้ Nvidia ทำกำไรต่ำกว่าที่บางคนคาด แต่ยังสะท้อน อุปสงค์ AI แข็งแกร่ง → ส่งผลดีต่อบริษัทญี่ปุ่นที่เกี่ยวข้อง ภาพรวมข่าว
● ตลาดหุ้นญี่ปุ่นได้แรงบวกจาก เทรนด์ AI + ความเชื่อมั่นเศรษฐกิจโลก
● การลงทุนจาก Buffett ใน Mitsubishi เพิ่มแรงหนุนเชิงบวกต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน ⚙️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหล็กไทย
● ความต้องการ เทคโนโลยี AI และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ที่โตต่อเนื่อง → ส่งสัญญาณการใช้ วัตถุดิบและโลหะ เพิ่มขึ้นในภูมิภาคเอเชีย
● หุ้นกลุ่ม เหมืองแร่และโลหะไม่ใช่เหล็ก พุ่ง สะท้อนความเชื่อมั่นด้านวัตถุดิบ → ไทยอาจได้รับแรงหนุนทางอ้อมจากการค้าขายเหล็กและวัสดุอุตสาหกรรม
● ถ้าเศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัวดีขึ้น จะ เพิ่มโอกาสการส่งออกสินค้าเหล็กไทยไปยังญี่ปุ่น โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และโครงสร้างพื้นฐาน แหล่งที่มา: RYT9
23 สิงหาคม 2025

ข่าวสาร วงการเหล็ก 18–24 สิงหาคม 2025

ข่าวสาร วงการเหล็ก 18–24 สิงหาคม 2025 1. ทรัมป์เล็งประกาศอัตราภาษีใหม่สำหรับชิปและเหล็ก (18 ส.ค. 2025) ● สหรัฐฯ เตรียมประกาศ ภาษีใหม่สำหรับเซมิคอนดักเตอร์ และอาจเรียกเก็บภาษีเพิ่มกับเหล็กนำเข้า
● ภายใต้กรอบ “America First” พยายามดึงการผลิตชิปกลับมาสหรัฐฯ
● อาจให้สิทธิยกเว้นภาษีช่วงแรกแก่บริษัทที่สร้างโรงงานในประเทศ แหล่งที่มา: RYT9 2. เกาหลีใต้เตรียมสนับสนุน SME รับมือภาษีเหล็ก-อะลูมิเนียมสหรัฐฯ (19 ส.ค. 2025) ● รัฐบาลเกาหลีใต้ยกระดับ มาตรการสนับสนุน SME ที่ได้รับผลกระทบจากภาษีเหล็ก-อะลูมิเนียมสหรัฐฯ
● ภาษีใหม่ครอบคลุมเครื่องจักร, ชิ้นส่วนรถยนต์, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
● รัฐบาลให้คำปรึกษา, ตรวจสอบแหล่งกำเนิด, ลดต้นทุนร่วมของ SME แหล่งที่มา: RYT9 3. มิลล์คอน สตีล กลับมาผลิตเหล็ก (19 ส.ค. 2025) ● มิลล์คอน สตีล กลับมาเดินเครื่องการผลิต หลังหยุดบางส่วนในช่วงก่อนหน้า
● ผลประกอบการ Q2/2568: EBITDA +159 ล้านบาท
● แผนการผลิต: เริ่มจากโรงงานหลัก, ขยายไประยองและมิลล์คอน บูรพา
● ใช้เทคโนโลยี Electric Arc Furnace (EAF) หลอมเศษเหล็กทุกประเภท, ควบคุมคุณภาพสูง, เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
● ตั้งเป้าผลิตเหล็กกว่า 800,000 ตันต่อปี แหล่งที่มา: ประชาชาติธุรกิจ 4. ญี่ปุ่นเร่งปฏิรูปกฎหมายสกัดเหล็กจีนทะลักหนีภาษี (20 ส.ค. 2025) ● กลุ่มล็อบบี้เหล็กญี่ปุ่นเรียกร้องรัฐบาลเร่งออกมาตรการป้องกัน การหลบเลี่ยงภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด
● เหตุผล: สินค้าเหล็กจีนล้นตลาด, ส่งเข้าญี่ปุ่นผ่านประเทศที่สามหรือตัดแปลงเล็กน้อย
● ญี่ปุ่นยังไม่มีระบบป้องกันการหลบเลี่ยงภาษีเหมือน 18/20 ประเทศ G20
● เรียกร้องให้เพิ่มพนักงานสอบสวนทางการค้า และปรับปรุงระบบไต่สวนให้มีประสิทธิภา แหล่งที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์ 5. ญี่ปุ่นเร่งปฏิรูปกฎหมายสกัดเหล็กจีนทะลักหนีภาษี (20 ส.ค. 2025) ● กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ปรับขึ้น ภาษีนำเข้า 50% สำหรับส่วนประกอบเหล็กและอะลูมิเนียมในสินค้า 407 รายการ
● ครอบคลุมสินค้าหลากหลาย เช่น กังหันลม, เครน, รถเกลี่ยดิน, เครื่องใช้ไฟฟ้า, รถไฟ, รถจักรยานยนต์, เฟอร์นิเจอร์ และชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า
● วัตถุประสงค์: ปิดช่องทางหลีกเลี่ยงภาษี ส่งเสริมอุตสาหกรรมเหล็ก-อะลูมิเนียมในประเทศ แหล่งที่มา: RYT9 6. พาณิชย์ตรวจเข้มนอมินีเอาผิดธุรกิจค้าเหล็ก (22 ส.ค. 2025) ● กระทรวงพาณิชย์นำทีมลงพื้นที่ตรวจสอบธุรกิจค้าเหล็กใน อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ หลังมีผู้ร้องเรียนว่าธุรกิจอาจเข้าข่าย นอมินี (คนไทยถือหุ้นแทนคนต่างชาติ) และผิดกฎหมายหลายประการ
● เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง: กรมสอบสวนคดีพิเศษ, ปปง., ตำรวจ, กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, กรมการค้าภายใน, สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม, สำนักงานจัดหางานจังหวัด ฯลฯ
● ผลตรวจสอบพบความผิดปกติ เช่น ข้อมูลถือหุ้นไม่ตรงตามทะเบียน, เครื่องชั่งเหล็ก 2 เครื่องไม่ผ่านการตรวจรับรอง
● ดำเนินคดีตามกฎหมายทั้ง แจ้งข้อมูลเท็จ, พ.ร.บ.มาตราชั่งตวงวัด, และตรวจสอบภาษี
● ใช้ระบบ IBAS (Intelligence Business Analytic System) เพื่อตรวจจับธุรกิจเข้าข่ายนอมินี
● เน้นสร้างความโปร่งใสในการค้าและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ แหล่งที่มา: ประชาชาติธุรกิจ ภาพรวมรายสัปดาห์ ● โลกและภูมิภาคสำคัญ (สหรัฐฯ, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้) เพิ่มความเข้มงวดด้าน ภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม เพื่อตอบโต้การทุ่มตลาดและหลีกเลี่ยงภาษี
● ในประเทศ: กระทรวงพาณิชย์ไทยเข้มงวดตรวจสอบ ธุรกิจนอมินี และสร้างความโปร่งใส
● ตลาดไทย: มีสัญญาณฟื้นตัวจากผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น มิลล์คอน สตีล
● ทิศทางโลกและมาตรการท้องถิ่นเน้นความ โปร่งใส, ป้องกันการทุจริต, และการปกป้องผู้ผลิตในประเทศ แหล่งที่มา: ประชาชาติธุรกิจ
22 สิงหาคม 2025

เหล็กลวดคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Wire Rod) คืออะไร? จุดเด่นและการใช้งานในงานก่อสร้าง

เหล็กลวดคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Wire Rod) คืออะไร   เหล็กลวดคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Wire Rod) เป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมก่อสร้างและอุตสาหกรรมต่อเนื่องหลายประเภท โดยมีปริมาณคาร์บอนน้อยกว่า 0.25% ทำให้เหล็กชนิดนี้มีความเหนียว สามารถดัดงอได้ง่าย แต่ไม่เปราะแข็งเกินไป จึงถูกนำไปใช้ผลิตวัสดุที่เราพบเจอในชีวิตประจำวันมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ลวดผูกเหล็ก ตะปู ลวดหนาม ตะแกรงเหล็ก (Wire Mesh) และผลิตภัณฑ์เหล็กอื่นๆ อีกหลายชนิด คุณสมบัติของเหล็กลวดคาร์บอนต่ำ ● ปริมาณคาร์บอนน้อยกว่า 0.25% ซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับเหล็กกล้าชนิดอื่นๆ ปริมาณคาร์บอนที่น้อยทำให้เหล็กชนิดนี้มีโครงสร้างที่ ไม่แข็งหรือเปราะเกินไป แต่กลับมีความยืดหยุ่นและเหนียวสูง สามารถนำไปผ่านกระบวนการขึ้นรูปหรือดัดโค้งได้ง่าย โดยไม่แตกหัก ● ความเหนียว (Ductility) หนึ่งในคุณสมบัติเด่นที่สุดของเหล็กลวดคาร์บอนต่ำคือ ความเหนียว (Ductility) สูง เหล็กสามารถรับแรงดึงและการดัดงอได้โดยไม่เสียรูปถาวร ซึ่งทำให้เหมาะอย่างยิ่งต่อการใช้งานที่ต้องการการขึ้นรูป เช่น การมัดโครงสร้างเหล็กเสริม การดัดปลอกเสา และการขึ้นรูปเป็นตะแกรงเหล็กไวร์เมช ความเหนียวนี้ยังช่วยให้การผลิตและการใช้งานในหน้างานก่อสร้างมีความสะดวกมากขึ้น ● ความแข็งแรง แม้ว่าเหล็กลวดคาร์บอนต่ำจะมีความแข็งแรงไม่สูงมากเมื่อเทียบกับเหล็กกล้าคาร์บอนปานกลางหรือสูง แต่ก็มีความแข็งแรงเพียงพอสำหรับงานก่อสร้างทั่วไป เช่น งานมัดโครงสร้าง งานตะแกรง และงานเสริมแรงคอนกรีต ความแข็งแรงในระดับปานกลางนี้ยังมีข้อดีคือทำให้เหล็กมีความ ดัดโค้งง่าย ไม่เปราะแตกง่าย เมื่อถูกใช้งานจริง ● การแปรรูป เหล็กลวดคาร์บอนต่ำสามารถนำไป แปรรูปได้ง่าย ทั้งในงานรีด ดัด กลึง เจาะ หรือตัด ทำให้สามารถผลิตเป็นสินค้าหลากหลายชนิดได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ลวดผูกเหล็ก ตะปู ลวดหนาม ลวดเชื่อม และตะแกรงเหล็กไวร์เมช ความสามารถในการแปรรูปที่ง่ายนี้ทำให้เหล็กลวดคาร์บอนต่ำเป็นวัตถุดิบที่อุตสาหกรรมต่างๆ เลือกใช้มากที่สุด การใช้งานของเหล็กลวดคาร์บอนต่ำ ในงานก่อสร้าง ● ลวดผูกเหล็ก
ใช้สำหรับมัดโครงสร้างเหล็กเสริมคอนกรีตให้แข็งแรงและคงรูปได้ตามแบบก่อสร้าง ● ปลอกเสาและปลอกคาน
ใช้ดัดขึ้นรูปเป็นวงแหวนหรือสี่เหลี่ยม เพื่อเสริมแรงและประคองเหล็กเส้นหลักในโครงสร้างคอนกรีต ● ตะแกรงเหล็กไวร์เมช (Wire Mesh)
เป็นการนำเหล็กลวดคาร์บอนต่ำผ่านกระบวนการรีดเย็นและเชื่อมด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติ ทำให้ได้ตะแกรงที่แข็งแรงและสม่ำเสมอ เหมาะสำหรับงานพื้นถนน พื้นอาคาร และงานโครงสร้างคอนกรีตทั่วไป งานอุตสาหกรรม ● ใช้ทำ ตะปู ซึ่งต้องการความเหนียวและดัดโค้งได้ง่าย
● ผลิตเป็น ลวดเชื่อม สำหรับงานเชื่อมโครงสร้างโลหะ
● ใช้ทำ ลวดชุบสังกะสี ลวดสลิง และลวดหนาม สำหรับงานเกษตรกรรมและงานโครงสร้างเบา
● เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต ชิ้นส่วนและอุปกรณ์โลหะต่างๆ ที่ต้องการการขึ้นรูปง่ายและความเหนียวสูง ในชีวิตประจำวัน ● หน้ากากพัดลม ซึ่งต้องการโครงสร้างที่บาง เบา แต่แข็งแรงพอ
● รถเข็น ที่ใช้เหล็กขึ้นรูปเป็นตะแกรงหรือโครงสร้างรองรับน้ำหนัก
● อุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้าน ที่ต้องการวัสดุที่ทนทานและแปรรูปได้ง่าย
● รวมไปถึง ผลิตภัณฑ์เหล็กแปรรูปอื่นๆ ที่พบเห็นได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน จะเห็นได้ว่า เหล็กลวดคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Wire Rod) เป็นวัสดุพื้นฐานที่มีบทบาทสำคัญทั้งในงานก่อสร้าง อุตสาหกรรม และชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะเมื่อนำมาใช้ผลิต ตะแกรงเหล็กไวร์เมชของ WMI Group ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เสริมแรงคอนกรีตที่มีความแข็งแรง ทนทาน และช่วยให้การก่อสร้างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เหล็กลวดคาร์บอนต่ำ กับตะแกรงเหล็กไวร์เมช WMI Group    หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่สำคัญซึ่งใช้ เหล็กลวดคาร์บอนต่ำ เป็นวัตถุดิบหลัก คือ ตะแกรงเหล็กไวร์เมช (Wire Mesh) ของ WMI Group โดยเหล็กจะถูกนำมาเข้าสู่กระบวนการ ดึงเย็น (Cold Drawing) เพื่อลดขนาดและเพิ่มความแข็งแรง ก่อนนำไปเชื่อมด้วยระบบ Electrical Resistance Welding ที่ทันสมัย ทำให้ได้ตะแกรงเหล็กที่แข็งแรง สม่ำเสมอ และได้มาตรฐาน มอก. จุดเด่นของไวร์เมชจาก WMI Group 1. แข็งแรง ทนทาน ได้มาตรฐานสากล 2. ช่วยประหยัดเวลาและแรงงาน เมื่อเทียบกับการผูกเหล็กเส้นแบบดั้งเดิม 3. ลดการแตกร้าวของคอนกรีต ด้วยการกระจายแรงที่สม่ำเสมอ 4. คุ้มค่าในระยะยาว ทั้งด้านคุณภาพและค่าใช้จ่ายรวมของโครงการ ทำไมต้องเลือก WMI Group ● ประสบการณ์กว่า 31 ปี เราสั่งสมประสบการณ์กว่า 31 ปีในวงการผลิตตะแกรงเหล็กไวร์เมช ทำให้เราเข้าใจทั้งมาตรฐานการผลิต ความต้องการของลูกค้า และความท้าทายของงานก่อสร้างทุกประเภท ประสบการณ์ที่ยาวนานนี้จึงเป็นหลักประกันว่า ลูกค้าจะได้รับ ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เสถียรภาพ และเชื่อถือได้จริง ● โรงงาน 5 สาขาทั่วประเทศ หนึ่งในจุดแข็งสำคัญของ WMI Group คือการมี โรงงานกระจายตัวอยู่ 5 สาขาทั่วประเทศ ทำให้เราสามารถผลิตและจัดส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็ว เข้าถึงหน้างานก่อสร้างในทุกภูมิภาค ลดต้นทุนด้านเวลาและโลจิสติกส์ให้ลูกค้า คุณจึงมั่นใจได้ว่า โครงการจะดำเนินต่อเนื่อง ไม่สะดุด และตรงตามกำหนดเวลา ● ผลิตภัณฑ์ได้รับการรับรองมาตรฐาน ไวร์เมชจาก WMI Group ผลิตด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติทันสมัยตามกระบวนการ Electrical Resistance Welding (ERW) ที่ได้มาตรฐานและแม่นยำ ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นได้รับการรับรอง มาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก. 737-2549) และ MiT (Made in Thailand) ซึ่งเป็นการยืนยันว่าไวร์เมชของเราเป็นสินค้าคุณภาพสูงที่ผลิตในประเทศไทยและเชื่อถือได้ในระดับสากล ● พร้อม ให้คำปรึกษาและบริการหลังการขาย อย่างมืออาชีพ นอกจากการผลิตและจัดจำหน่ายตะแกรงเหล็กไวร์เมชแล้ว WMI Groupยังมุ่งเน้นการบริการที่ครบวงจร เรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาใน การเลือกใช้ไวร์เมชที่เหมาะสมกับงานแต่ละประเภท รวมถึงบริการจัดส่งที่ตรงเวลา และการดูแลหลังการขายอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่า ลูกค้าทุกท่านจะได้รับทั้งผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดในทุกขั้นตอน ดังนั้น หากคุณกำลังมองหา ตะแกรงเหล็กไวร์เมชคุณภาพสูง จากลวดเหล็กรีดเย็น WMI Group คือคำตอบที่มั่นใจได้สำหรับทุกโครงการก่อสร้าง สรุป เหล็กลวดคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Wire Rod) เป็นวัตถุดิบที่มีความยืดหยุ่นสูง ใช้งานได้หลากหลาย โดยเฉพาะในการผลิต ตะแกรงเหล็กไวร์เมชของ WMI Group ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านความแข็งแรง ประสิทธิภาพ และความคุ้มค่า เหมาะสำหรับทุกโครงการก่อสร้างที่ต้องการคุณภาพระดับสากล สั่งไวร์เมชกับ WMI Group ง่ายๆ แค่ คลิก ติดต่อเราเพื่อขอใบเสนอราคา และ ปรึกษาเรื่องการใช้ไวร์เมช


20 สิงหาคม 2025

ลวดเหล็กรีดเย็น (Cold Drawn Steel Wire) คืออะไร? จุดเด่น และการใช้งานในงานก่อสร้าง

ลวดเหล็กรีดเย็น (Cold Drawn Steel Wire) คืออะไร    ลวดเหล็กรีดเย็น (Cold Drawn Steel Wire) คือวัตถุดิบสำคัญที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมก่อสร้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการผลิต ตะแกรงเหล็กไวร์เมช (Wire Mesh) ซึ่งถือเป็นโครงสร้างเสริมแรงคอนกรีตที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน ลวดเหล็กรีดเย็นคืออะไร? ลวดเหล็กรีดเย็น ผลิตจาก เหล็กลวดคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Wire Rod) ที่ผ่านกระบวนการรีดและดึงที่อุณหภูมิห้อง (Cold Drawing Process) เพื่อลดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางให้ได้ตามมาตรฐานและเพิ่มคุณสมบัติทางกลของเหล็ก เช่น ● ความแข็งแรง (Strength) ● ความยืดหยุ่น (Flexibility) ● ความทนทาน (Durability) เมื่อผ่านการรีดเย็น ลวดเหล็กจะมีผิวที่เรียบ แข็งแรง และมีขนาดที่แม่นยำ ทำให้เหมาะสำหรับงานก่อสร้างที่ต้องการความปลอดภัยและความสม่ำเสมอสูง มาตรฐานของลวดเหล็กรีดเย็น ลวดเหล็กรีดเย็นที่ใช้ในงานก่อสร้างต้องผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรมที่เข้มงวด เช่น ● มอก. 747-2564 (Cold Drawn Steel Wire for Concrete Reinforcement) ● ASTM A82, A496 (มาตรฐานสหรัฐอเมริกา) ● BS 4482 (มาตรฐานอังกฤษ) คุณสมบัติทางกลของลวดเหล็กรีดเย็นสูงกว่าเหล็กกล้าละมุนทั่วไปอย่างชัดเจน เช่น ● กำลังคลากต่ำสุด (Yield Strength) ประมาณ 5,000 KSC ● กำลังประลัย (Ultimate Strength) ประมาณ 6,230 – 6,650 KSC การทำงานของเหล็กลวดรีดเย็น ลวดเหล็กรีดเย็นถูกนำไปใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม แต่ในภาคการก่อสร้างจะถูกนำมาใช้มากที่สุด โดยเฉพาะการผลิต ตะแกรงเหล็กไวร์เมช (Wire Mesh) ซึ่งนิยมใช้เสริมแรงคอนกรีตในงานต่างๆ เช่น ● พื้นอาคาร ● พื้นถนน ● ผนังและกำแพงกันดิน ● โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กทั่วไป ลวดเหล็กรีดเย็นกับตะแกรงเหล็กไวร์เมช WMI Group WMI Group ใช้ ลวดเหล็กรีดเย็นคุณภาพสูง ที่ผ่านมาตรฐาน มอก. และได้รับการรับรอง Made in Thailand (MiT) มาผลิตเป็น ตะแกรงเหล็กไวร์เมช ด้วยเทคโนโลยี Electrical Resistance Welding ที่ทำให้ลวดเหล็กทุกเส้นถูกเชื่อมติดกันอย่างแน่นหนาและสม่ำเสมอ จุดเด่นของไวร์เมชจากลวดเหล็กรีดเย็น WMI Group 1. แข็งแรงและทนทานสูง ช่วยเสริมแรงคอนกรีตได้ดีกว่าเหล็กเส้นผูกแบบเดิม 2. ประหยัดเวลาและแรงงาน ลดขั้นตอนการผูกเหล็ก ทำให้งานก่อสร้างเสร็จเร็วขึ้น 3. คุณภาพมาตรฐานสากล ผ่านการควบคุมด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติที่ทันสมัย 4. ลดการแตกร้าวของคอนกรีต โครงสร้างตะแกรงช่วยกระจายแรงได้อย่างสม่ำเสมอ 4. คุ้มค่าในระยะยาว แม้ราคาสูงกว่าเหล็กเส้นทั่วไป แต่ช่วยประหยัดต้นทุนรวมของโครงการ ทำไมต้องเลือก WMI Group ● ประสบการณ์กว่า 31 ปี → ในการผลิตลวดเหล็กและตะแกรงไวร์เมช ● โรงงาน 5 สาขาทั่วประเทศ → รองรับการจัดส่งรวดเร็วและตรงเวลา ● มาตรฐานการผลิตระดับสากล → ที่ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ ดังนั้น หากคุณกำลังมองหา ตะแกรงเหล็กไวร์เมชคุณภาพสูง จากลวดเหล็กรีดเย็น WMI Group คือคำตอบที่มั่นใจได้สำหรับทุกโครงการก่อสร้าง สรุป ลวดเหล็กรีดเย็น (Cold Drawn Steel Wire) ไม่ได้เป็นเพียงแค่วัสดุเสริมแรงคอนกรีต แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ ไวร์เมชของ WMI Group แข็งแรง ทนทาน และตอบโจทย์การก่อสร้างยุคใหม่ ที่ต้องการทั้งความเร็ว ความคุ้มค่า และมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงสุด สั่งไวร์เมชกับ WMI Group ง่ายๆ แค่ คลิก ติดต่อเราเพื่อขอใบเสนอราคา, ปรึกษาเรื่องการใช้ไวร์เมช, หรือเช็คราคาใกล้คุณ ได้ทันที


13 สิงหาคม 2025

Electrical Resistance Welding (ERW) – เทคโนโลยีในการผลิตตะแกรงเหล็กไวร์เมช

Electrical Resistance Welding (ERW) คืออะไร Electrical Resistance Welding (ERW) หรือ การเชื่อมด้วยความต้านทานไฟฟ้า
คือกระบวนการเชื่อมโลหะที่ใช้ความร้อนจากกระแสไฟฟ้าเพื่อหลอมโลหะให้เชื่อมติดกัน โดยไม่ต้องใช้ลวดเชื่อมหรือวัสดุเติมเชื่อมเพิ่มเติม (filler material) จึงเป็นเทคโนโลยีที่มีความสะดวก ประหยัด และได้รับความนิยมอย่างมากในอุตสาหกรรมการผลิตโลหะ เช่น การทำ ตะแกรงเหล็กไวร์เมช (Wire Mesh), การผลิตท่อ, และโครงสร้างยานยนต์ กระบวนการทำงานของ Electrical Resistance Welding (ERW) หลักการทำงาน ● กระแสไฟฟ้าไหลผ่านจุดสัมผัส โลหะสองชิ้น ถูกกดให้สัมผัสกัน จากนั้นกระแสไฟฟ้าจะไหลผ่านจุดสัมผัส ● เกิดความร้อนจากความต้านทานไฟฟ้า ความต้านทานของโลหะ ทำให้เกิดความร้อนสูงจนโลหะบริเวณนั้นหลอมละลาย ● การกดอัดเพื่อความแข็งแรง หลังจากหลอมละลายและเย็นตัว โลหะจะเชื่อมติดกันแน่นหนาและทนทาน ประเภทของการเชื่อม ERW welding การเชื่อมด้วยกระแสไฟฟ้าสามารถแบ่งออกตามลักษณะของรอยเชื่อมและวิธีการใช้แรงกดที่จุดเชื่อมได้หลายประเภท เช่น ● Spot Welding (เชื่อมจุด) เป็นการเชื่อมที่นิยมใช้ในการเชื่อมแผ่นโลหะซ้อนกัน โดยใช้ขั้วไฟฟ้าทองแดงสองข้างกดแผ่นโลหะและส่งกระแสไฟฟ้าผ่านจุดสัมผัส
ทำให้เกิดความร้อนหลอมละลายและเชื่อมติดกัน ● Seam Welding (เชื่อมรอยต่อแบบต่อเนื่อง) ใช้สำหรับเชื่อมรอยต่อยาว โดยขั้วไฟฟ้าเป็นลักษณะดิสก์หมุนขณะเคลื่อนที่ผ่านชิ้นงาน ทำให้เกิดรอยเชื่อมที่ต่อเนื่องและแข็งแรง ● ประเภทอื่น ๆ เช่น Flash Welding, Projection Welding เป็นต้น หลักการทำงานของ ERW welding 1. กระแสไฟฟ้าไหลผ่านจุดสัมผัส ลวดเหล็กสองเส้นถูกจัดตำแหน่งและกดให้สัมผัสกัน จากนั้นกระแสไฟฟ้าจะไหลผ่าน ทำให้เกิดความร้อนจากความต้านทานของโลหะ 2. ความร้อนทำให้จุดเชื่อมหลอมละลาย ความร้อนจะเพิ่มขึ้นจนถึงจุดหลอมเหลว ทำให้โลหะบริเวณจุดสัมผัสสามารถรวมตัวกันได้ 3. การกดอัดเพื่อความแน่นหนา เมื่อความร้อนลดลง โลหะจะเย็นตัวและแข็งแรงขึ้น จุดเชื่อมจึงมีความแน่นหนาและทนทาน ข้อดีของเทคโนโลยี ERW welding คุณสมบัติเด่น 1. คุณภาพสม่ำเสมอ ทุกจุดเชื่อมมีความแข็งแรงใกล้เคียงกัน 2. ผลิตได้รวดเร็ว เครื่องจักร ERW สามารถเชื่อมได้หลายจุดพร้อมกัน เหมาะกับงานผลิตจำนวนมาก 3. ประหยัดต้นทุน ไม่ต้องใช้ลวดเชื่อมหรือฟลักซ์ ลดค่าใช้จ่ายและสิ่งปนเปื้อน 4. เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กระบวนการใช้พลังงานมีประสิทธิภาพ และไม่เกิดควันหรือสารเคมีตกค้างมาก การประยุกต์ใช้ ERW welding ● อุตสาหกรรมก่อสร้าง → ใช้ผลิต ตะแกรงเหล็กไวร์เมช (Wire Mesh) สำหรับงานคอนกรีต ถนน และอาคาร ● อุตสาหกรรมยานยนต์ → ใช้เชื่อมชิ้นส่วนโครงสร้าง เช่น โครงรถ ประตู และท่อไอเสีย ● การผลิตท่อเหล็กและถัง → Seam Welding ถูกใช้ในการเชื่อมรอยต่อท่อยาว ● โครงสร้างโลหะอุตสาหกรรม → ใช้ในเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ต้องการความแข็งแรง จุดเด่นของการใช้ ERW welding ในการผลิตตะแกรงเหล็กไวร์เมช 1. คุณภาพสม่ำเสมอ ทุกจุดเชื่อมมีความแข็งแรงเท่าๆ กัน ลดปัญหาการหลุดหรือแตกหัก 2. ความรวดเร็วในการผลิต เครื่องจักร ERW สามารถเชื่อมได้หลายจุดพร้อมกันในเวลาอันสั้น เหมาะกับการผลิตปริมาณมาก 3. ประหยัดต้นทุนวัสดุ ไม่ต้องใช้ลวดเชื่อมหรือสารเติมแต่ง ลดต้นทุนและลดสิ่งปนเปื้อนในเนื้อเหล็ก ประโยชน์ของเทคโนโลยี ERW welding ในการผลิตตะแกรงเหล็กไวร์เมช ● ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
● ลดการเสียรูปของชิ้นงาน
● รองรับการผลิตจำนวนมากด้วยระบบอัตโนมัติ
● ไม่ต้องใช้วัสดุเติมเชื่อม
● ให้รอยเชื่อมที่แข็งแรงในตำแหน่งที่ต้องการ
ด้วยเทคโนโลยี ERW welding ทำให้ WMI Group สามารถผลิตตะแกรงเหล็กไวร์เมชที่ได้มาตรฐาน มอก.
พร้อมคุณภาพสูงและความแม่นยำในการเชื่อมทุกจุด ทำไม WMI Group จึงเลือกใช้เทคโนโลยี ERW welding WMI Group ให้ความสำคัญกับคุณภาพ ความแข็งแรง และความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์
เราจึงเลือกใช้เทคโนโลยี ERW welding
เพื่อให้ลูกค้าได้รับตะแกรงเหล็กไวร์เมชที่ได้มาตรฐาน มอก. 737-2549
และตอบโจทย์การใช้งานด้านโครงสร้างคอนกรีต ถนน และอาคาร สรุป เทคโนโลยี Electrical Resistance Welding (ERW) เป็นหนึ่งในกระบวนการเชื่อมที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมการผลิตโลหะ เนื่องจากช่วยให้ได้รอยเชื่อมที่แข็งแรง รวดเร็ว ประหยัดต้นทุน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
WMI Group นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในการผลิตตะแกรงเหล็กไวร์เมช เพื่อมอบสินค้าที่ได้มาตรฐานสูงสุดแก่ลูกค้า สั่งไวร์เมชกับ WMI Group ง่ายๆ แค่ คลิก ติดต่อเราเพื่อขอใบเสนอราคา, ปรึกษาเรื่องการใช้ไวร์เมช, หรือเช็คราคาใกล้คุณ ได้ทันที


11 สิงหาคม 2025

ไวร์เมชใกล้ฉัน | WMI Group ตะแกรงเหล็กคุณภาพจากโรงงานทั่วไทย

ไวร์เมชใกล้ฉัน | WMI Group ตะแกรงเหล็กคุณภาพจากโรงงานทั่วไทย หากคุณกำลังค้นหา “ไวร์เมชใกล้ฉัน” หรือมองหาตะแกรงเหล็กไวร์เมชคุณภาพมาตรฐานสำหรับงานก่อสร้าง
WMI Group คือคำตอบที่คุณวางใจได้ ด้วยเครือข่ายโรงงานผลิต 5 แห่ง ครอบคลุมทั่วประเทศไทย
พร้อมเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย เราคือผู้นำด้านไวร์เมชอันดับต้นๆ ของประเทศ ไวร์เมชคืออะไร? ทำไมจึงสำคัญในงานก่อสร้าง คือตะแกรงเหล็กเสริมคอนกรีต ผลิตจากเหล็กเส้นรีดเย็น (Cold Drawn Steel) เชื่อมติดกันด้วยไฟฟ้าแบบ Electrical Resistance Welding (ERW)
ซึ่งทำให้จุดเชื่อมแน่น แข็งแรง และได้ระยะห่างสม่ำเสมอ เหมาะกับการใช้งานเป็นโครงเสริมแรงใน: ● พื้นบ้าน, ห้องน้ำ, พื้นรอบเสาเข็ม, ลานจอดรถ, โรงรถ
● โกดัง, ห้างสรรพสินค้า, ถนนทั่วไป, พื้นจอดรถบรรทุก
● สนามบิน, เขื่อน, ท่าเรือ, โรงงานอุตสาหกรมมหนัก หากคุณต้องการเลือกไวร์ไวร์ตามประเภทงานก่อสร้างของคุณ คลิก ทำไมต้องเลือกไวร์เมชจาก WMI Group WMI Group ผลิตไวร์เมชที่ผ่านการรับรอง มาตรฐาน มอก. 737-2549 ตะแกรงเหล็กกล้าเชื่อมติดเสริมคอนกรีต
และเครื่องหมาย Made in Thailand (MiT) โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
จุดเด่นของเรา: ● ผลิตด้วยเทคโนโลยี Electrical Resistance Welding (ERW)
● แข็งแรง ทนทาน ระยะห่างระหว่างตะแกรงสม่ำเสมอ
● มีใบรับรองคุณภาพ พร้อมจัดส่ง
● รองรับงานทุกขนาด ตั้งแต่บ้านจนถึงเมกะโปรเจกต์ WMI Group – 5 โรงงานไวร์เมชใกล้คุณ ทั่วไทย ไม่ว่าคุณจะอยู่ภาคไหน เราพร้อมให้บริการไวร์เมช “ใกล้ฉัน” ด้วยโรงงานผลิต 5 สาขา ● นนทบุรี
● นครสวรรค์
● ขอนแก่น
● นครราชสีมา
● ชลบุรี บริการจัดส่งไวร์เมชถึงหน้างานทั่วประเทศ หมดกังวลเรื่องการขนส่ง เรามีบริการขนส่งไวร์เมชถึงไซต์งาน ด้วยรถบรรทุก WMI โดยตรง พร้อมประกันคุณภาพสินค้าถึงมืออย่างปลอดภัย สั่งไวร์เมชกับ WMI ง่ายๆ แค่ คลิก ติดต่อเราเพื่อขอใบเสนอราคา, ปรึกษาเรื่องการใช้ไวร์เมช, หรือเช็คราคาใกล้คุณ ได้ทันที


 
10 กรกฎาคม 2025

ไวร์เมชกับเหล็กเส้น | ไวร์เมช WMI ตัวเลือกใหม่ที่ติดตั้งง่าย ประหยัดแรงงาน

ไวร์เมชกับเหล็กเส้น ต่างกันอย่างไร? ใช้อะไรดีกว่าสำหรับงานก่อสร้าง ไวร์เมชกับเหล็กเส้น เป็นวัสดุเสริมคอนกรีตที่นิยมในงานก่อสร้างทั้งขนาดเล็กและใหญ่
แล้ววัสดุแบบไหนเหมาะกับงานของคุณ? มาดูข้อแตกต่าง การใช้งาน และจุดเด่นของแต่ละประเภท
เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกได้อย่างถูกต้อง ในการเลือกวัสดุเสริมแรงสำหรับงานคอนกรีต หนึ่งในคำถามยอดฮิตของผู้รับเหมาและเจ้าของโครงการคือ
“ไวร์เมชกับเหล็กเส้น แบบไหนดีกว่า?” ทั้งสองวัสดุต่างมีจุดเด่นเฉพาะ และเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน
บทความนี้โดย WMI Group จะพาคุณเปรียบเทียบแบบชัดเจน เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้แม่นยำยิ่งขึ้น 1. เปรียบเทียบกระบวนการผลิตและการติดตั้ง | ไวร์เมชกับเหล็กเส้น ไวร์เมช ● เป็นตะแกรงเหล็กเชื่อมสำเร็จรูป
ผลิตจากลวดเหล็กกล้าเชื่อมด้วยระบบอัตโนมัติ (Fully Automated Welding System)
● ควบคุมระยะห่างของตะแกรงได้อย่างแม่นยำ ลดความผิดพลาดจากแรงงาน
● ติดตั้งเร็วขึ้นถึง 50%
● ลดค่าแรงคนงานกว่า 50% เหล็กเส้น ● เป็นเหล็กแท่ง มีทั้งผิวเรียบ และผิวข้ออ้อย
● ต้องตัด ดัด และผูกมือทุกขั้นตอน
● ใช้แรงงานฝีมือสูง ติดตั้งช้ากว่า
● ต้นทุนแรงงานสูงกว่าไวร์เมชอย่างชัดเจน 2. เปรียบเทียบต้นทุนและประสิทธิภาพ | ไวร์เมชกับเหล็กเส้น ไวร์เมช ● ราคาต่อพื้นที่ต่ำกว่าของเหล็กเส้น
● ใช้วัสดุน้อยกว่า ลดขยะในไซต์งาน
● กระจายแรงดึงได้สม่ำเสมอ ลดการแตกร้าวของพื้นคอนกรีต
● ประหยัดทั้งวัสดุและค่าแรง เหล็กเส้น ● วัสดุและแรงงานมีต้นทุนรวมสูง
● รับแรงเฉพาะจุดได้ดี เหมาะสำหรับคาน เสา และโครงสร้างหลักที่รับน้ำหนักมาก 3. จุดเด่นเฉพาะ ของไวร์เมช WMI เครื่องจักรผลิตแม่นยำระดับอุตสาหกรรม ● ระบบ Fully Automated ช่วยลดข้อผิดพลาดจากแรงงาน
● ควบคุมขนาดลวดและระยะช่องด้วยโปรแกรมอัตโนมัติ
● ลดความคลาดเคลื่อนจากแรงงาน → คุณภาพงานคอนกรีตสม่ำเสมอ วัตถุดิบคุณภาพสูงตามมาตรฐาน ● ผลิตจากเหล็กมาตรฐาน มอก. 747-2531 และ มอก. 943-2533
● ตรวจสอบคุณสมบัติทางกลทุกล็อต (Yield, Elongation, Tensile Strength) ผลิตตามแบบ (Made to Order) ● ลดการตัดทิ้ง ลดเศษเหล็กหน้างาน
● ส่งของตามแบบภายใน 3–5 วัน
● พร้อม ใบรับรอง COA, เอกสารรับรองคุณภาพเหล็ก ใช้ได้กับงานโครงสร้างจริง ● ผ่าน Pull‑Out Test และ Crack Control Test
● รองรับพื้นโรงงาน โกดัง Precast ฐานราก และพื้นโพสต์เทนชั่น รองรับงานราชการ งานอุตสาหกรรม และโครงการใหญ่ ● จัดทำ COA และเอกสารรับรองตาม Spec โครงการ
● มีทีมวิศวกรให้คำปรึกษาด้านเทคนิคครบวงจร ไวร์เมช WMI ไวร์เมช WMI เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์งานก่อสร้างยุคใหม่ ทั้งด้านความเร็ว ลดต้นทุนแรงงาน และคุณภาพการกระจายแรงที่เหนือกว่า ในขณะที่ เหล็กเส้น ยังคงเหมาะกับโครงสร้างหลักที่ต้องการรับน้ำหนักเฉพาะจุด เช่น เสา คาน และโครงสร้างรองรับ ส่วนเหล็กเส้น ยังคงเหมาะกับงานโครงสร้างหลักที่ต้องรับน้ำหนักมากเฉพาะจุด หากคุณกำลังมองหา…
ตะแกรงไวร์เมชคุณภาพสูง ได้มาตรฐาน มอก.
เลือก WMI Group


ประโยชน์ของการใช้ตะแกรงไวร์เมช แทนเหล็กเส้นในงานก่อสร้าง           ในยุคที่ความรวดเร็วและความแม่นยำในการก่อสร้างเป็นเรื่องสำคัญ วัสดุก่อสร้างอย่าง “ตะแกรงไวร์เมช”
หรือ ไวร์เมช แทนเหล็กเส้น จึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในงานพื้น ผนังคอนกรีต และโครงการที่ต้องการความแข็งแรง
พร้อมควบคุมคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
ตะแกรงไวร์เมช คือ ตะแกรงเหล็กที่ผลิตจากลวดเหล็กกล้าคุณภาพสูง
ผ่านกระบวนการเชื่อมด้วยเครื่องจักรระบบอัตโนมัติ (Fully Automated)
ซึ่งช่วยให้สามารถควบคุมขนาด ช่องไฟ และความแข็งแรงได้อย่างแม่นยำ
ลดความคลาดเคลื่อนที่มักเกิดจากแรงงานคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อดีของการใช้ไวร์เมชแทนเหล็กเส้น 1. เพิ่มความแข็งแรงให้กับโครงสร้าง ตะแกรงไวร์เมชช่วยให้คอนกรีตยึดเกาะกันได้ดีขึ้น ลดโอกาสแตกร้าว หรือแยกตัวของพื้นและผนังคอนกรีต ทำให้โครงสร้างมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น เหมาะสำหรับทั้งงานพื้นโรงงาน พื้นบ้าน หรืออาคารขนาดใหญ่ 2. รับแรงได้ดี กระจายแรงสม่ำเสมอ ไวร์เมชมีคุณสมบัติในการกระจายแรงดึงและแรงกดทับได้อย่างสม่ำเสมอ จึงสามารถรองรับแรงกระแทกได้ดี เหมาะสำหรับงานที่มีการใช้งานหนัก เช่น พื้นโกดัง หรือพื้นถนนคอนกรีต 3. ติดตั้งเร็ว ลดเวลา ลดต้นทุนแรงงาน เนื่องจากไวร์เมชสามารถนำไปติดตั้งได้ทันทีโดยไม่ต้องผูกเหล็กหน้างาน ช่วยลดระยะเวลาการทำงานและประหยัดแรงงานได้ถึง 50% เมื่อนำไปใช้กับโครงการขนาดใหญ่ ประสิทธิภาพจึงเห็นได้ชัดเจน 4. ลดเศษวัสดุและสูญเสียหน้างาน ไวร์เมชสามารถสั่งผลิตตามขนาดที่ต้องการได้ (Made to Order) ทำให้ไม่เกิดเศษวัสดุจากการตัดทิ้งหน้างาน ลดต้นทุนสูญเปล่า และช่วยควบคุมคุณภาพของวัสดุได้ดีขึ้น 5. มาตรฐานสูง เหมาะกับโครงการราชการ ตะแกรงไวร์เมชจาก WMI Group ผลิตตามมาตรฐาน มอก. 747-2531 และ มอก. 943-2533
ผ่านการทดสอบด้านแรงดึง (Pull-Out Test) และ Crack Control Test ใช้ได้กับงานราชการและโครงการที่ต้องมีการตรวจสอบ Spec
8 กรกฎาคม 2025
ไวร์เมช วายเมท ราคาถูก

ไวร์เมช คืออะไร? เลือกอย่างไรให้คุ้มค่าและปลอดภัย

ไวร์เมช คืออะไร (Wire Mesh) ? ไวร์เมช (Wire Mesh) หรือ ตะแกรงเหล็กไวร์เมช
คือ ตะแกรงเหล็กกล้าสำเร็จรูปที่ผลิตจาก ลวดเหล็กรีดเย็น (Cold Drawn Steel Wire) นำมาเชื่อมติดกันด้วยกระบวนการเชื่อมไฟฟ้า ทำให้แต่ละจุดตัดเชื่อมติดเป็นเนื้อเดียวกันอย่างแข็งแรงและสวยงาม
โดยทั่วไป ตะแกรงเหล็กไวร์เมชมีให้เลือกทั้งแบบแผ่นสำเร็จรูป (Sheet Wire Mesh) และแบบม้วน (Roll Wire Mesh) เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานก่อสร้างในแต่ละประเภท เช่น งานถนน พื้นคอนกรีต ผนัง หรืออาคารสูง จุดเริ่มต้นของ ตะแกรงเหล็กไวร์เมช ตะแกรงเหล็กไวร์เมช เกิดจากความต้องการแก้ปัญหาการก่อสร้างแบบเดิม ที่ต้องใช้แรงงานจำนวนมากในการผูกเหล็กเส้นทีละเส้น ซึ่งทำให้สิ้นเปลืองเวลาและแรงงานสูง
จากนั้นจึงมีการคิดค้นวิธี จัดเรียงเหล็กเส้นเป็นตารางแล้วเชื่อมด้วยไฟฟ้า จนได้เป็นตะแกรงเหล็กที่สามารถขนย้ายง่าย, ประหยัดพื้นที่, จัดเก็บสะดวก และปูใช้งานได้รวดเร็ว
ตั้งแต่นั้นมา ตะแกรงเหล็กไวร์เมชจึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย และเข้ามาทดแทนการผูกเหล็กด้วยมือเกือบทั้งหมด ขนาดของตะแกรงเหล็กไวร์เมช ตะแกรงเหล็กไวร์เมชมีหลายขนาด โดยเส้นลวดที่ใช้ผลิตมีเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 2.8 มม. – 12 มม. ● ไวร์เมช แบบแผ่น (Sheet Wire Mesh) → นิยมใช้ในงานพื้นคอนกรีตขนาดเล็ก-กลาง ● ไวร์เมช แบบม้วน (Roll Wire Mesh) → เหมาะกับงานที่ต้องการความยืดหยุ่นและพื้นที่กว้าง เช่น ถนนหรือพื้นที่สนาม ประโยชน์ของตะแกรงเหล็กไวร์เมชในการก่อสร้าง ● เสริมความแข็งแรงของคอนกรีต → ลดการแตกร้าว เพิ่มอายุการใช้งานของโครงสร้าง ● ประหยัดเวลาในการทำงาน → ไม่ต้องผูกเหล็กเส้นทีละเส้น ● ได้มาตรฐานความสม่ำเสมอ → ระยะห่างเส้นลวดเท่ากันทุกแผ่น ทำให้โครงสร้างได้มาตรฐาน ● ขนย้ายและติดตั้งง่าย → เลือกได้ทั้งแบบม้วนหรือแผ่นสำเร็จรูป ทำไม ตะแกรงเหล็กไวร์เมช จึงสำคัญกับงานก่อสร้าง ? ● โครงสร้างแข็งแรง ไม่แตกร้าว → ป้องกันการร้าวในพื้นคอนกรีต ● กระจายแรง ลดการทรุด → ช่วยลดปัญหาพื้นทรุดตัวในอนาคต ● ติดตั้งไว ประหยัดเวลา → แค่ปูตะแกรงเหล็ก ไวร์เมช แล้วเทพื้นได้เลย ● มั่นใจด้วยมาตรฐาน มอก. → ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก. 737-2549) วิธีเลือกตะแกรงเหล็กไวร์เมช ให้ได้ของดี ราคาคุ้ม
1. เลือกขนาดไวร์เมชให้เหมาะกับงาน ● เทพื้นบ้านหรือโรงจอดรถ – ใช้ไวร์เมช 4 มม. – 6 มม.
● เทพื้นโกดัง โรงงาน – ใช้ไวร์เมช 6 มม. – 9 มม.
● งานโครงสร้างขนาดใหญ่ – ใช้ไวร์เมช 9 มม. ขึ้นไป 2. ตรวจสอบมาตรฐาน มอก. การเลือก ไวร์เมช มอก. เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะรับประกันว่า เหล็กเต็มเส้น 100% ไม่ลดสเปก 3. เลือกโรงงานที่มีสต๊อกพร้อมส่ง การสั่งจาก โรงงานผู้ผลิตโดยตรง ทำให้มั่นใจในคุณภาพ และได้ราคาส่งที่คุ้มค่ากว่า 4. เช็คราคาส่งตรงจากโรงงาน ควรเปรียบเทียบราคาหลายที่ ตะแกรงเหล็กไวร์เมช ราคาเท่าไหร่ ? ● ขนาดไวร์เมช 4 มม. → ราคาประมาณ 300 – 400 บาท ● ขนาดไวร์เมช 6 มม. → ราคาประมาณ 550 – 650 บาท ● ขนาดไวร์เมช 9 มม. → ราคาประมาณ 900 – 1,200 บาท 💡 แนะนำ หากต้องการใช้งานจำนวนมาก ควรสั่งตรงจากโรงงาน เพื่อได้ ตะแกรงเหล็กไวร์เมชราคาส่ง ซึ่งถูกกว่าซื้อผ่านร้านวัสดุก่อสร้าง FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ตะแกรงเหล็กไวร์เมช ❓ ไวร์เมชใช้กับงานอะไรได้บ้าง? → ใช้ได้ทั้งงานเทพื้นบ้าน, พื้นโกดัง, ถนน, งานโครงสร้าง และงานคอนกรีตทั่วไป ❓ ไวร์เมช มอก. ต่างจากทั่วไปอย่างไร? → มอก. คือมาตรฐานที่ยืนยันว่าเหล็กเต็ม แข็งแรง ทนทาน ปลอดภัยกว่า ❓ ซื้อไวร์เมชจากที่ไหนดีที่สุด? → ควรเลือกจาก โรงงานผู้ผลิตตะแกรงเหล็กไวร์เมชโดยตรง เพื่อมั่นใจในคุณภาพและราคา ทำไมควรเลือกใช้ ตะแกรงเหล็กไวร์เมช แทนการใช้เหล็กเส้นผูกด้วยมือ? ● รวดเร็วกว่า → .ใช้งานง่าย ประหยัดเวลาหน้างาน 2–3 เท่า
→ ไวร์เมชเป็นตะแกรงเหล็กสำเร็จรูป ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาตัด ดัด และผูกเหล็กทีละเส้นเหมือนการผูกเหล็กมือ ทำให้ลดระยะเวลาในการทำงานและลดจำนวนแรงงานที่ต้องใช้ ● คุณภาพดีกว่า → ตะแกรงเหล็กไวร์เมชผลิตจากโรงงานด้วยระบบอัตโนมัติ ทุกจุดเชื่อมด้วยไฟฟ้า ทำให้แข็งแรงกว่าการผูกลวด
→ จุดเชื่อมของเหล็กมีความแข็งแรงสม่ำเสมอเท่ากันทุกจุดและทั่วทั้งแผ่น ช่วยให้โครงสร้างคอนกรีตมีความแข็งแรงสม่ำเสมอและลดปัญหาการแตกร้าวได้ ● คุ้มค่ากว่า → ลดค่าแรงงานและเศษเหล็กที่สูญเสีย
→ ตะแกรงเหล็กไวร์เมชสามารถสั่งผลิตได้ตามขนาดที่ต้องการ ทำให้ลดปัญหาเศษเหล็กเหลือทิ้งจากการตัดเหล็กเส้น และยังช่วยให้การคำนวณปริมาณวัสดุที่ต้องใช้มีความแม่นยำมากขึ้น
● ใช้งานหลากหลาย → เหมาะกับถนน พื้นโรงงาน บ้านพักอาศัย และโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ● เพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้าง → ไวร์เมชมีกำลังรับแรงดึงสูงกว่าเหล็กเส้นทั่วไป ทำให้โครงสร้างคอนกรีตมีความแข็งแรงและทนทานมากขึ้น สรุป: เลือกไวร์เมช มอก. อย่างไรให้คุ้มค่าและปลอดภัย ● ตรวจสอบมาตรฐาน ไวร์เมช มอก.
● เลือกขนาดเหล็กให้เหมาะกับงาน
● เปรียบเทียบราคาและเลือกโรงงานที่เชื่อถือได้
● อ่านรีวิวและดูหน้างานจริง 💙 หากคุณกำลังมองหาตะแกรงไวร์เมชคุณภาพสูง ที่ได้มาตรฐาน มอก. เลือก WMI Group


   
29 พฤษภาคม 2025

ใบเสนอราคา



— กรุณาเลือกรูปแบบไวร์เมช —แบบม้วน (ลวดกลม)แบบม้วน (ข้ออ้อย)แบบแผง (ลวดกลม)แบบแผง (ข้ออ้อย) — กรุณาเลือกขนาดลวด — — กรุณาเลือกระยะห่างตะแกรง —10×10 cm15×15 cm20×20 cm25×25 cm30×30 cm10×30 cmขนาดอื่นๆ — กรุณาเลือกความกว้าง —2 m2.5 m3 m3.5 mขนาดอื่นๆ — กรุณาเลือกความยาว —


จำนวนที่ใช้งาน:

แผงม้วนตารางเมตร

จำนวนตารางเมตร (คำนวนอัตโนมัติ):



จังหวัดปลายทาง:

— กรุณาเลือกจังหวัด —กรุงเทพมหานครกระบี่กาญจนบุรีกาฬสินธุ์กำแพงเพชรขอนแก่นจันทบุรีฉะเชิงเทราชลบุรีชัยนาทชัยภูมิชุมพรเชียงรายเชียงใหม่ตรังตราดตากนครนายกนครปฐมนครพนมนครราชสีมานครศรีธรรมราชนครสวรรค์นนทบุรีนราธิวาสน่านบึงกาฬบุรีรัมย์ปทุมธานีประจวบคีรีขันธ์ปราจีนบุรีปัตตานีพระนครศรีอยุธยาพังงาพัทลุงพิจิตรพิษณุโลกเพชรบุรีเพชรบูรณ์แพร่พะเยาภูเก็ตมหาสารคามมุกดาหารแม่ฮ่องสอนยะลายโสธรร้อยเอ็ดระนองระยองราชบุรีลพบุรีลำปางลำพูนเลยศรีสะเกษสกลนครสงขลาสตูลสมุทรปราการสมุทรสงครามสมุทรสาครสระแก้วสระบุรีสิงห์บุรีสุโขทัยสุพรรณบุรีสุราษฎร์ธานีสุรินทร์หนองคายหนองบัวลำภูอ่างทองอุดรธานีอุทัยธานีอุตรดิตถ์อุบลราชธานีอำนาจเจริญ

💬 ส่งข้อมูลเข้า LINE
8 พฤษภาคม 2025

ไวร์เมช WMI | คำถามที่พบบ่อย

ไวร์เมชราคา | คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการสั่งซื้อไวร์เมช WMI “กำลังมองหา ไวร์เมช ราคา ที่ชัดเจนและโปร่งใสอยู่ใช่ไหมคะ?
บทความนี้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยจากลูกค้าจริงของ WMI Group ไม่ว่าจะเป็น
ขั้นต่ำในการสั่งซื้อ การจัดส่ง ขนาดที่มี และตัวอย่างราคาจริง พร้อมคำตอบที่ชัดเจน เข้าใจง่าย เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้เร็วขึ้น”   Q1: 🧾 หากต้องการ ใบเสนอราคา ต้องเตรียมข้อมูลอะไรบ้าง? 💡Answer:
เพื่อให้เราเสนอราคาได้ตรงตามที่ต้องการ ขอข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้นะคะ:
• ชื่อบริษัท / ชื่อผู้ติดต่อ
• เบอร์โทร
• ขนาดลวด
• ระยะห่างตะแกรง
• ขนาด กว้าง×ยาว
• จำนวนที่ใช้งาน
• สถานที่จัดส่ง/หน้างาน
หากไม่แน่ใจเรื่องขนาดหรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถสอบถามแอดมินได้เลยค่ะ Q2: 📦 ปริมาณขั้นต่ำในการผลิต และสั่งซื้ออยู่ที่เท่าไหร่? 💡Answer:
• 9 มม. @20 – ขั้นต่ำ 1,500 ตร.ม.
• 6 มม. @20 – ขั้นต่ำ 2,500 ตร.ม.
• 4 มม. @20 – ขั้นต่ำ 3,000 ตร.ม. Q3:💸 ไวร์เมชราคากี่บาท 💡Answer: ราคาของไวร์เมชขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
เช่น ขนาดของลวด, ระยะห่างของตา, ปริมาณที่ใช้งาน และระยะทางในการจัดส่ง
หากลูกค้าสามารถส่งรายละเอียดเบื้องต้นมาให้ ทางเราจะรีบดำเนินการเสนอราคาให้โดยเร็วที่สุดค่ะ Q4: 📏 มีขนาดไวร์เมชให้เลือกใช้งานกี่รูปแบบ? 💡Answer:
ม้วน (RB)
ม้วน (DB)
แผง (RB)
แผง (DB) เลือกขนาดลวด 2.00 mm 3.00 mm 4.00 mm 6.00 mm ระยะห่าง 10×10 cm 15×15 cm 20×20 cm 25×25 cm 30×30 cm ความกว้าง 2.0 m 2.5 m 3.0 m 3.5 m ความยาว 25 m 30 m 35 m 40 m 45 m 50 m 📩 ส่งข้อมูลไปที่ LINE เลือกขนาดลวด 4.00 mm 6.00 mm ระยะห่าง 10×10 cm 15×15 cm 20×20 cm 25×25 cm 30×30 cm ความกว้าง 2.0 m 2.5 m 3.0 m 3.5 m ความยาว 25 m 30 m 35 m 40 m 45 m 50 m 📩 ส่งข้อมูลไปที่ LINE เลือกขนาดลวด 4.00 mm 6.00 mm 8.00 mm 9.00 mm 12.00 mm ระยะห่าง 10×10 cm 15×15 cm 20×20 cm 25×25 cm 30×30 cm ความกว้าง 2.0 m 2.5 m 3.0 m 3.5 m ความยาว 5.0 m 6.0 m 7.0 m 📩 ส่งข้อมูลไปที่ LINE เลือกขนาดลวด 4.00 mm 6.00 mm 8.00 mm 9.00 mm 12.00 mm ระยะห่าง 10×10 cm 15×15 cm 20×20 cm 25×25 cm 30×30 cm ความกว้าง 2.0 m 2.5 m 3.0 m 3.5 m ความยาว 5.0 m 6.0 m 7.0 m 📩 ส่งข้อมูลไปที่ LINE
หากต้องการขนาดพิเศษเพิ่มเติม สามารถสอบถามเจ้าหน้าที่เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยค่ะ
3 พฤษภาคม 2025

ขนาดไวร์เมช Smart Guide | ระบบแนะนำไวร์เมชอัตโนมัติ

ขนาดไวร์เมช WMI – ตะแกรงเหล็กมาตรฐาน มอก. แข็งแรง ไม่ลดสเปก ไวร์เมช WMI คือ ตะแกรงเหล็กเสริมคอนกรีต ที่ได้รับความนิยมในงานก่อสร้างทุกประเภท เช่น ถนน พื้นโรงงาน บ้านพักอาศัย และโครงสร้างคอนกรีตขนาดใหญ่
ด้วยคุณสมบัติของเหล็กเต็มเส้น ผลิตจาก ลวดเหล็กเต็มเส้นคุณภาพสูง มาตรฐาน มอก. 737-2531
ทำให้ไวร์เมช WMI แข็งแรง รับแรงดึงได้มากกว่าเหล็กเส้นทั่วไปถึง 2 เท่า และลดการเสียรูปของโครงสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเลือกใช้ไวร์เมช WMI ช่วยให้การติดตั้งรวดเร็ว ประหยัดเวลา และเพิ่มความปลอดภัยให้กับโครงสร้าง ลดเวลาการผูกเหล็กแบบเดิม และประหยัดต้นทุนวัสดุก่อสร้างได้สูงสุดถึง 30% ขนาดของตะแกรงเหล็กไวร์เมช ขนาดของตะแกรงเหล็กไวร์เมชมีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับการใช้งาน โดยทั่วไปจะพิจารณาจาก ● ขนาดเส้นลวด (Diameter): ตั้งแต่ 2.8 มม. ถึง 12 มม.
● ระยะห่างระหว่างตา (Mesh Size): ตั้งแต่ 10×10 ซม. ถึง 30×30 ซม.
● รูปแบบ: ทั้งแบบม้วน (Wire Mesh Roll) และ แบบแผง (Wire Mesh Sheet) เลือกประเภทงานก่อสร้างของคุณ 🛠️ — กรุณาเลือกงานก่อสร้าง —🏠 พื้นบ้าน / ห้องน้ำ / โรงรถ🏢 โกดัง / ห้าง / ถนนทั่วไป✈️ สนามบิน / โรงงานหนัก / เขื่อน
ประโยชน์ของการเลือกขนาดไวร์เมชที่เหมาะสม การเลือกขนาดไวร์เมชที่เหมาะสมกับงานก่อสร้างมีความสำคัญ เนื่องจาก: ● เพิ่มความแข็งแรง: ช่วยเสริมแรงให้กับคอนกรีต ลดการแตกร้าว
● ประหยัดเวลา: ลดขั้นตอนการผูกเหล็กด้วยมือ
● ประหยัดต้นทุน: ลดการสูญเสียวัสดุและค่าแรงงาน
● ยืดอายุการใช้งาน: โครงสร้างมีความทนทานและปลอดภัยมากขึ้น คุณสมบัติเด่นของตะแกรงเหล็ก ไวร์เมช WMI • เพิ่มความแข็งแรง: รับแรงดึงสูงกว่าเหล็กเส้นถึง 2 เท่า
• ไวร์เมชมาตรฐาน มอก. ผลิตภายใต้มาตรฐานอุตสาหกรรม มอก. 737-2549
• ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว: ลดเวลาและต้นทุนในการก่อสร้าง   การใช้งานตะแกรงเหล็ก ไวร์เมช WMI ในงานก่อสร้าง • เสริมแรงโครงสร้างคอนกรีต งานเทพื้น ถนนคอนกรีต พื้นโรงงาน ฯลฯ
• ลดเวลาในการผูกเหล็กแบบเดิม ไม่ต้องผูกเหล็กทีละเส้น
• เหมาะสำหรับงานทุกขนาด ตั้งแต่บ้านพักอาศัยไปจนถึงโครงการขนาดใหญ่   เหตุผลที่ควรเลือก ไวร์เมช WMI สำหรับโครงสร้างคอนกรีต • ประหยัดต้นทุน: ลดค่าใช้จ่ายวัสดุก่อสร้างได้ถึง 30%
• สะดวกและยืดหยุ่น: ผลิตตามสเปคที่ต้องการ ทั้งขนาดลวด, ระยะห่างตะแกรง, ความกว้าง และ ความยาว
• เพิ่มความรวดเร็ว: ลดเวลาการติดตั้งถึง 90%
• คุณภาพสูง: ขนาดและระยะห่างตะแกรงสม่ำเสมอ ไม่บิดงอง่าย และรับแรงได้สูง   เทคโนโลยีการผลิตตะแกรงเหล็ก ไวร์เมช WMI มาตรฐาน มอก. ไวร์เมช WMI ผลิตจากลวดเหล็กรีดเย็นคุณภาพสูง
ด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมระบบความต้านทานไฟฟ้า (Electrical Resistance Welding)
ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการก่อสร้างและทดแทนการผูกเหล็กแบบดั้งเดิมได้อย่างมีประสิทธิภาพ   ข้อดีของการใช้ตะแกรงเหล็ก ไวร์เมช WMI • เสริมแรงคอนกรีตได้ดี: เพิ่มความแข็งแรงให้โครงสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• ติดตั้งรวดเร็ว: ลดเวลาการติดตั้งได้อย่างมาก ลดต้นทุนและค่าแรง
• ลดการสูญเสียจากการตัดเหล็ก: เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้วัสดุ
• ไวร์เมชมาตรฐานอุตสาหกรรม มอก.
เพื่อรับรองคุณภาพและความปลอดภัยของวัสดุในทุกๆ ขั้นตอนการผลิต 💙 หากคุณกำลังมองหาตะแกรงไวร์เมชคุณภาพสูง ที่ได้มาตรฐาน มอก. เลือก WMI Group
ติดต่อเราเพื่อขอใบเสนอราคาและคำปรึกษาเกี่ยวกับการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เหมาะสมสำหรับโครงการของคุณ
        ไวร์เมชแบบม้วน ไวร์เมชแบบแผง
27 มีนาคม 2025

ตะแกรงไวร์เมชคืออะไร? มือใหม่อ่านจบ เลือกซื้อได้เลย

ตะแกรงไวร์เมช คืออะไร? มือใหม่อ่านจบ เลือกซื้อได้เลย ตะแกรงไวร์เมช คืออะไร? หากคุณกำลังมองหาวัสดุก่อสร้างที่ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับงานคอนกรีต
ไวร์เมช เป็นตัวเลือกที่ขาดไม่ได้ ไวร์เมชช่วยให้โครงสร้างทนทาน
และลดปัญหาการแตกร้าวในการก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็น อาคาร บ้านพัก ถนน หรือโรงงาน
โครงสร้างที่แข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงตั้งแต่ต้น
หากเลือกวัสดุก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจส่งผลให้โครงสร้างรับน้ำหนักได้น้อย เสี่ยงต่อการแตกร้าว หรือทรุดตัวในอนาคต
ซึ่งหนึ่งในวัสดุที่ขาดไม่ได้ในงานคอนกรีตเสริมเหล็กก็คือ ตะแกรงเหล็กไวร์เมช   ตะแกรงไวร์เมช (Wire Mesh) คืออะไร? ตะแกรงไวร์เมช (Wire Mesh) หรือที่หลายคนอาจเรียกกันว่า ไวร์เมท, ไวเมท หรือไวเมต
เป็น ตะแกรงเหล็กสำเร็จรูป ที่ถูกเชื่อมติดกันเป็นผืน มีลักษณะเป็นตารางสี่เหลี่ยม
โดยผลิตจาก ลวดเหล็กรีดเย็น (Cold Drawn Steel Wire) ทำให้มีความแข็งแรงสูง
สามารถรองรับน้ำหนักได้ดี และช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับงานคอนกรีต และทำให้งานก่อสร้างเสร็จไวขึ้น ไวร์เมชดีอย่างไร? ✅ แข็งแรง ทนทาน รองรับน้ำหนักได้ดี
✅ ลดการแตกร้าวของคอนกรีต
✅ ประหยัดเวลาในการติดตั้งกว่าการผูกเหล็กธรรมดา
✅ ลดต้นทุนค่าแรงงาน เพราะติดตั้งง่าย 👉 อ่านเพิ่มเติม: ไวร์เมชคืออะไร? ทำไมต้องใช้ไวร์เมช?   ตะแกรงเหล็กไวร์เมชมีขนาดอะไรบ้าง? หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยคือ ควรใช้ไวร์เมชขนาดเท่าไหร่?
ซึ่งในท้องตลาดไวร์เมชมีให้เลือกหลากหลายขนาด ตั้งแต่ ไวร์เมช 2.8 มม. ไปจนถึง ไวร์เมช 12 มม.
ขึ้นอยู่กับประเภทของงานก่อสร้างที่ต้องการใช้งาน ตัวอย่างขนาดตะแกรงไวร์เมชที่นิยมใช้: 🔹ไวร์เมช 4 มม. สำหรับงานพื้นบ้านพักอาศัย
🔹ไวร์เมช 6 มม. สำหรับงานถนนคอนกรีต
🔹ไวร์เมช 9 มม. สำหรับงานพื้นโรงงานที่ต้องรับน้ำหนักมาก 👉 ดูตารางขนาดตะแกรงไวร์เมชทั้งหมดได้ที่นี่: ควรใช้ไวร์เมชขนาดเท่าไหร่? ประเภทของตะแกรงไวร์เมช และการเลือกใช้งานให้เหมาะสม ตะแกรงไวร์เมชเป็นวัสดุก่อสร้างที่ได้รับความนิยม เนื่องจากช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับโครงสร้างคอนกรีต ลดระยะเวลาในการทำงาน และช่วยควบคุมคุณภาพของงานก่อสร้างให้เป็นมาตรฐาน โดย ตะแกรงไวร์เมช สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ ตะแกรงไวร์เมชแบบแผ่น และ ตะแกรงไวร์เมชแบบม้วน ซึ่งแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนี้ 1. ตะแกรงไวร์เมชแบบแผ่น ตะแกรงไวร์เมชแบบแผ่นเป็นแบบที่มีความแข็งแรงสูง เพราะใช้ลวดเหล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่กว่า 6 มิลลิเมตรขึ้นไป
จึงสามารถรองรับน้ำหนักและแรงกดได้ดี เหมาะสำหรับงานก่อสร้างที่ต้องการความแข็งแรงเป็นพิเศษ เช่น • ลานจอดรถ ภายในห้างสรรพสินค้าและอาคารสำนักงาน • ลานสนามบิน ที่ต้องรับน้ำหนักของเครื่องบิน • ถนนและทางเดินรถ ที่มีการสัญจรของยานพาหนะหนัก • โกดังสินค้าและโรงงานอุตสาหกรรม ที่ต้องการฐานรากที่มั่นคง • รางรถไฟฟ้า ที่ต้องรองรับแรงสั่นสะเทือน ตะแกรงไวร์เมชแบบแผ่นมักถูกเลือกใช้งานเนื่องจากสามารถติดตั้งได้ง่าย ช่วยลดระยะเวลาในการทำงาน
และให้ความแข็งแรงที่เหนือกว่าตะแกรงไวร์เมชแบบม้วน 2. ตะแกรงไวร์เมชแบบม้วน ตะแกรงไวร์เมชแบบม้วนมีความยืดหยุ่นสูงกว่าและสามารถม้วนเก็บได้ง่าย จึงสะดวกต่อการขนส่งและติดตั้ง โดยทั่วไปผลิตจากลวดเหล็กที่มีขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 4 มิลลิเมตรขึ้นไป เหมาะสำหรับงานก่อสร้างที่ไม่ได้รับน้ำหนักมาก เช่น • งานเทพื้นบ้านเรือนทั่วไป เช่น พื้นห้องนั่งเล่น พื้นห้องครัว หรือพื้นที่ที่ไม่ได้รองรับน้ำหนักสูง • พื้นทางเดินในสวน หรือพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน • งานปรับปรุงต่อเติมขนาดเล็ก ที่ต้องการเสริมโครงสร้างคอนกรีต • ตะแกรงไวร์เมชแบบม้วนช่วยลดปัญหาการขนส่งและจัดเก็บ
เพราะสามารถม้วนให้มีขนาดกะทัดรัด ประหยัดพื้นที่ และสะดวกต่อการใช้งานในไซต์ก่อสร้าง เลือกตะแกรงไวร์เมชให้เหมาะกับงานก่อสร้าง หากเป็นงานโครงสร้างขนาดใหญ่ที่ต้องการความแข็งแรงแนะนำให้เลือกใช้ตะแกรงไวร์เมชแบบแผ่น หากเป็นงานก่อสร้างทั่วไปที่ไม่ได้รับน้ำหนักมาก แนะนำให้เลือกใช้ตะแกรงไวร์เมชแบบม้วน 👉 ดูข้อมูลเพิ่มเติม: ตะแกรงไวร์เมชแบบม้วน, ตะแกรงไวร์เมชแบบแผ่น   คำนวณจำนวนตะแกรงไวร์เมชที่ต้องใช้ยังไง? ในการใช้ ตะแกรงไวร์เมช เพื่อเทคอนกรีต
หนึ่งในขั้นตอนสำคัญคือ การคำนวณปริมาณไวร์เมชที่ต้องใช้ ให้เหมาะสมกับพื้นที่จริง
เพื่อให้ประหยัดต้นทุนและลดการสูญเสียวัสดุ
สิ่งสำคัญคือต้องคำนวณปริมาณที่ใช้ให้เหมาะสม เช่น หากต้องเทพื้นคอนกรีตบ้าน โรงจอดรถ หรือถนน
ต้องรู้ว่า ตะแกรงไวร์เมชแต่ละขนาดครอบคลุมพื้นที่ได้เท่าไหร่ และ ใช้กี่แผ่น เพื่อคุมงบประมาณและลดของเสีย สูตรคำนวณตะแกรงเหล็กไวร์เมชเบื้องต้น: 📌 วิธีคำนวณไวร์เมชง่ายๆ
1. วัดพื้นที่ที่ต้องการใช้ (กว้าง × ยาว)
2. เลือกขนาดตะแกรงที่เหมาะสม
3. ใช้สูตรคำนวณปริมาณไวร์เมช สูตรคำนวณหาจำนวนตะแกรงเหล็กไวร์เมช: พื้นที่หน้างาน (ตร.ม.) ÷ ขนาดไวร์เมช (ตร.ม.) = จำนวนที่ต้องใช้ 📝 ตัวอย่างที่ 1: • ต้องเทพื้นโรงจอดรถ ขนาด 10 × 25 ม. = 250 ตร.ม.
• เลือกไวร์เมชแบบม้วน ขนาด 2 × 25 ม. (50 ตร.ม./ม้วน)
👷 ต้องใช้ไวร์เมช 250 ÷ 50 = 5 ม้วน 📝 ตัวอย่างที่ 2: • ต้องเทพื้นบ้าน ขนาด 5 × 10 ม. = 50 ตร.ม.
• เลือกไวร์เมชแบบม้วน ขนาด 2 × 25 ม. (50 ตร.ม./ม้วน)
👷 ต้องใช้ไวร์เมช 50 ÷ 50 = 1 ม้วน 👉 ดูสูตรคำนวณตะแกรงเหล็กไวร์เมชทั้งหมดได้ที่นี่: ต้องใช้ไวร์เมชเท่าไหร่?   วิธีเลือกซื้อตะแกรงไวร์เมชให้ได้ของดี คุ้มค่า การเลือกซื้อตะแกรงไวร์เมชไม่ใช่แค่ดูราคาถูกที่สุด แต่ต้องคำนึงถึงคุณภาพของวัสดุ และมาตรฐานที่ได้รับการรับรอง
เช่น ไวร์เมช มอก. ซึ่งเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมที่ช่วยให้มั่นใจว่าไวร์เมชมีความแข็งแรงและปลอดภัยสำหรับงานก่อสร้าง เคล็บลับการเลือกไวร์เมชให้ได้ของดี ✔ เลือกไวร์เมชที่ผ่านมาตรฐาน มอก. เพื่อความแข็งแรงและปลอดภัย ✔ เลือกลวดเหล็กรีดเย็นแท้ เพื่อให้ทนทานและรับแรงดึงได้ดี ✔ ตรวจสอบรอยเชื่อมของตะแกรง ควรมีการเชื่อมต่อแน่น ไม่หลุดง่าย ✔ เลือกขนาดให้ เหมาะกับงานที่ต้องใช้
เช่น ไวร์เมช 4 มม. เหมาะสำหรับพื้นบ้านพักอาศัย
แต่ ไวร์เมช 6 มม. อาจเหมาะสำหรับงานที่รับน้ำหนักมากกว่า ✔ ตรวจสอบ เหล็กใหม่ ไม่เป็นสนิม 👉 เช็คลิสต์เลือกซื้อไวร์เมชให้คุ้มค่า: วิธีเลือกซื้อไวร์เมชให้ได้ของดี คุ้มค่า 💙 หากคุณกำลังมองหาตะแกรงไวร์เมชคุณภาพสูง ที่ได้มาตรฐาน มอก. เลือก WMI Group        
22 มีนาคม 2025

ไวร์เมชคืออะไร? ทำไมงานก่อสร้างต้องใช้ตะแกรงเหล็กไวร์เมช

ไวร์เมชคืออะไร? ทำไมงานก่อสร้างต้องใช้ตะแกรงเหล็กไวร์เมช ไวร์เมช (Wire Mesh) หรือตะแกรงเหล็กเส้น เป็นวัสดุที่หลายคนคุ้นเคยในงานก่อสร้าง ไวร์เมช หรือ ตะแกรงเหล็กไวร์เมช เป็นวัสดุเสริมแรงคอนกรีตที่ผลิตจาก ลวดเหล็กรีดเย็นคุณภาพสูง (Cold Drawn Steel)
ผ่านกระบวนการเชื่อมติดด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติที่มีความแม่นยำสูง
ทำให้จุดตัดของลวดเหล็กหลอมละลายเป็นเนื้อเดียวกัน เพิ่มความแข็งแรงและทนทาน
วัสดุนี้สามารถลดเวลา แรงงาน และต้นทุนในงานก่อสร้างได้มากกว่า 80% ไวร์เมชคืออะไร หน้าที่สำคัญของไวร์เมชในงานก่อสร้าง สรุป และข้อเสนอแนะ ไวร์เมช (Wire Mesh) คืออะไร? ไวร์เมช (WireMesh) คือตะแกรงเหล็กเส้นสำเร็จรูปที่ใช้แทนการผูกเหล็กธรรมดา
ผลิตจากลวดเหล็กรีดเย็น (Cold Drawn Steel Wire) ผ่านกระบวนการเชื่อมอาร์กด้วยไฟฟ้า
ทำให้ทุกจุดตัดหลอมเป็นเนื้อเดียวกัน เพิ่มความแข็งแรงและทนทาน
เหมาะสำหรับงานก่อสร้างที่ต้องการเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างคอนกรีต เช่น พื้นถนน อาคาร และงานก่อสร้างอื่นๆ ตะแกรงไวร์เมชมีให้เลือกทั้งแบบม้วนและแบบแผ่น โดยขนาดของเส้นลวดมีตั้งแต่ 2 – 12 มิลลิเมตร
ซึ่งช่วยให้สะดวกต่อการใช้งานและลดเวลาการติดตั้งเมื่อเทียบกับการผูกเหล็กเสริมด้วยมือแบบดั้งเดิม
มีความแม่นยำและสม่ำเสมอในระยะห่างของตะแกรง สามารถผลิตเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้า คุณสมบัติเด่นของเหล็กไวร์เมช ✔ มีความยืดหยุ่นและแข็งแรง
✔ สามารถรับแรงดึง แรงอัด และน้ำหนักได้ดี
✔ ช่วยลดโอกาสที่คอนกรีตจะแตกร้าว
✔ เสริมความแข็งแรงให้โครงสร้างโดยรวม ไวร์เมช จึงเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์งานก่อสร้างยุคใหม่ที่ต้องการความรวดเร็วและคุณภาพสูง
เหมาะสำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งขนาดเล็กและใหญ่ ในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ไวร์เมช (Wire Mesh) เป็นวัสดุที่ขาดไม่ได้
โดยเฉพาะในงานเทพื้นคอนกรีตและโครงสร้างที่ต้องการความแข็งแรง ทนทาน
แต่คุณรู้หรือไม่ว่าไวร์เมชมีหน้าที่มากกว่าการเสริมแรงให้คอนกรีต?
มาดูกันว่าไวร์เมชมีบทบาทสำคัญอย่างไรในงานก่อสร้าง หน้าที่ของไวร์เมชในงานก่อสร้าง 1. ช่วยให้คอนกรีตเกาะตัวกันได้ดีขึ้น ตะแกรงไวร์เมชช่วยเสริมแรงให้กับคอนกรีต ลดโอกาสที่พื้นหรือผนังคอนกรีตจะแตกหรือแตกร้าวง่าย
ซึ่งช่วยยืดอายุการใช้งานของโครงสร้างและทำให้พื้นอาคารมีความแข็งแรงมากขึ้น 2. เพิ่มความหนาแน่นและรับแรงกระแทกได้ดี ไวร์เมชทำให้คอนกรีตมีความแน่นขึ้น สามารถรับแรงกดและแรงกระแทกได้ดี
ลดปัญหาการแตกร้าวของพื้นคอนกรีตเมื่อเจอแรงกระแทกหรือแรงสั่นสะเทือนจากการใช้งาน   3. ช่วยให้คอนกรีตกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ เมื่อใช้ตะแกรงไวร์เมชร่วมกับคอนกรีต จะช่วยให้เนื้อคอนกรีตกระจายตัวได้ดีทั่วพื้นผิว
ทำให้พื้นมีความเรียบเสมอ สวยงาม และช่วยลดการเกิดโพรงอากาศในคอนกรีต 4. ลดระยะเวลาทำงานก่อสร้าง ไวร์เมชถูกผลิตสำเร็จรูปจากโรงงาน สามารถนำไปติดตั้งได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาผูกเหล็กเส้นทีละเส้น
จึงช่วยให้กระบวนการก่อสร้างเร็วขึ้น ลดค่าแรง และทำให้งานเสร็จไวขึ้น เลือกไวร์เมชคุณภาพ ต้องมาตรฐาน มอก. เท่านั้น! หากคุณต้องการไวร์เมชที่แข็งแรง ทนทาน และได้มาตรฐาน ต้องเลือกไวร์เมชที่ผ่านมาตรฐาน มอก.
ซึ่งมีคุณสมบัติที่รับรองว่าปลอดภัยและมีคุณภาพสูง เหมาะสำหรับทุกโครงการก่อสร้าง สรุป ทำไมไวร์เมชถึงจำเป็นในงานก่อสร้าง? ✔ เพิ่มความแข็งแรงให้คอนกรีต ลดการแตกร้าว
✔ รองรับแรงกระแทก ทำให้พื้นแน่น แข็งแรง
✔ ทำให้พื้นเรียบสวย ลดปัญหาคอนกรีตไม่สม่ำเสมอ
✔ ช่วยให้การก่อสร้างเสร็จเร็ว ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย ต้องการไวร์เมชคุณภาพสูง ติดต่อ WMI Group ได้เลย! WMI Group เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไวร์เมชมาตรฐาน มอก.
พร้อมบริการจัดส่งทั่วประเทศ | รับประกันคุณภาพเหล็กทุกเส้น         🌐 ดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมได้ที่: WMI Group ⭐ WMI ตะแกรงเหล็ก
เป็นตะแกรงเหล็กเสริมแรงคอนกรีต ที่ผลิตจากลวดเหล็กรีดเย็นคุณภาพสูง (COLD DRAWN STEEL)
ใช้แทนการผูกเหล็กธรรมดา มีคุณสมบัติของเหล็กดังนี้
• แรงดึงประลัย (TENSILE STRENGTH) 6,230 Kg / cm²
• กำลังคลาก (YIELD STRENGTH) 5,500 Kg / cm² ⭐ มาตรฐาน มอก 737-2549 WMI ตะแกรงเหล็ก ผลิตจากลวดเหล็กรีดเย็นคุณภาพสูง
นำมาเชื่อมเป็นตะแกรงด้วยระบบความต้านทานไฟฟ้า ( Electrical Resistance Welding)
โดยเครื่องจักรอัตรโนมัติที่มีความละเอียดสูง มีการควบคุมคุณภาพในระหว่างกระบวนการผลิต ทำให้คุณภาพของตะแกรงเหล็กเป็นไปตามข้อกำหนดของมาตรฐานอุตสาหกรรม มอก. 737-2531   ⭐ เหล็กเต็ม 100% ทุกเส้น ด้วยความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า และความตระหนักดีถึงคุณภาพของเหล็กที่ส่งผลต่อความแข็งแรงของงานก่อสร้าง
ในทุกขั้นตอนการผลิตมีการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ
ทำให้คุณภาพ WMI ตะแกรงเหล็กที่ส่งมอบให้ลูกค้า เต็มขนาด100% ทุกเส้น
สามารถตรวจสอบขนาด หรือชั่งน้ำหนักได้เที่ยงตรงตามมาตรฐาน  
20 มีนาคม 2025

ไวร์เมชกระดก แก้ไขยังไงดี?

ไวร์เมชกระดก แก้ไขยังไงดี? ไวร์เมชกระดก เป็นปัญหาที่พบบ่อยในการใช้ตะแกรงไวร์เมชแบบม้วน (Wire Mesh Roll)
เพราะเมื่อกางออกอาจโก่งตัวหรือไม่เรียบ ส่งผลต่อการเทคอนกรีต
หากไม่แก้ไขอาจทำให้โครงสร้างไม่แข็งแรง วันนี้เราจะมาดูวิธีแก้ไขปัญหาไวร์เมชกระดกกัน!
• ปัญหาไวร์เมชกระดกคืออะไร และเกิดขึ้นได้อย่างไร?
• วิธีแก้ไขไวร์เมชกระดก ปรับตะแกรงไวร์เมชให้เรียบก่อนติดตั้ง
• ผลลัพธ์หลังจากแก้ไขไวร์เมชกระดก
• คำแนะนำเพิ่มเติมในการติดตั้งไวร์เมช
• สรุปและข้อเสนอแนะ ปัญหาไวร์เมชกระดกคืออะไร และเกิดขึ้นได้อย่างไร? ไวร์เมชกระดก เป็นปัญหาที่เกิดจากตะแกรงไวร์เมชแบบม้วน ที่ถูกเก็บไว้ในลักษณะโค้ง
เมื่อคลี่ออกอาจไม่แนบสนิทกับพื้น ส่งผลให้โครงสร้างคอนกรีตไม่แข็งแรง
ดังนั้นการแก้ไขให้ตะแกรงเรียบก่อนติดตั้งจึงเป็นสิ่งสำคัญ ทำไมไวร์เมชกระดก? สาเหตุและผลกระทบที่ต้องรู้ สาเหตุของปัญหาไวร์เมชกระดก • ถูกม้วนเก็บเป็นเวลานาน ทำให้เกิดแรงดึงโค้ง • กางออกผิดวิธี ทำให้ตะแกรงไวร์เมชไม่คืนตัว • การตัดแต่งไม่ถูกต้อง ทำให้ตะแกรงโก่งตัว ไวร์เมชกระดกส่งผลเสียต่อโครงสร้างอย่างไร • โครงสร้างคอนกรีตไม่แข็งแรง • เทคอนกรีตแล้วเกิดช่องว่างใต้ตะแกรงไวร์เมช • อาจทำให้เกิดรอยแตกร้าวในระยะยาว ทำไมต้องแก้ไขไวร์เมชให้เรียบก่อนติดตั้ง? ✔ ป้องกันโครงสร้างคอนกรีตอ่อนแอจากช่องว่างใต้ไวร์เมช
✔ ลดความเสี่ยงของรอยแตกร้าวในพื้นคอนกรีต
✔ ช่วยให้ติดตั้งไวร์เมชได้ง่ายขึ้น ประหยัดแรงงานและเวลา วิธีแก้ไขไวร์เมชกระดก ปรับตะแกรงไวร์เมชให้เรียบก่อนติดตั้ง 1. คลี่ไวร์เมชออกจากม้วน (ป้องกันไวร์เมชกระดกโดยการกางตะแกรงให้ถูกวิธี) • ใช้เครื่องมือง้างหรือคลายเหล็กที่ผูกม้วนไวร์เมชออก • ค่อยๆ ดึงตะแกรงให้คลี่ตัวออกเป็นแผ่น   2. กางไวร์เมชออกโดยให้ด้านโค้งอยู่ด้านล่าง (แบบคว่ำ) • การคว่ำด้านโค้งลงจะช่วยให้ไวร์เมชคืนรูปเร็วขึ้น • วางไวร์เมชบนพื้นเรียบเพื่อช่วยลดความโค้ง   3. ตัด ไวร์เมช ตามขนาดที่ต้องการ • ใช้เครื่องมือตัด ไวร์เมช เช่น กรรไกรตัดเหล็ก หรือ ลูกหมู • วัดขนาด ไวร์เมช ให้พอดีกับพื้นที่ติดตั้ง   4. ปรับระดับพื้นผิวของตะแกรงไวร์เมช • ใช้เสียมหรือจอบ กดลงบริเวณ ไวร์เมช ที่ยังโค้งงอ
(กดให้แนบสนิทกับพื้นเพื่อลดการเด้งตัว) • ย้าย ไวร์เมช ไปบริเวณที่ต้องการติดตั้ง
(ยกไวร์เมชโดยการดึงให้ตึง และอยู่ในระดับสูงเหนือพื้น)   5. ล็อคตะแกรง ไวร์เมช ไม่ให้งอหรือเด้ง 5.1) ใช้เหล็กดัดให้เป็นรูปทรงเกือกม้า   5.2) คล้องเหล็กเกือกม้าไปที่ตะแกรง ไวร์เมช ในจุดที่ยังมีการโก่งตัว   5.3) ใช้ค้อนตอกเหล็กเกือกม้าให้แน่น เพื่อยึด ไวร์เมช ให้อยู่ในตำแหน่งที่มั่นคง ผลลัพธ์หลังจากแก้ไขไวร์เมชกระดก ✅ ไวร์เมชเรียบและแนบสนิทกับพื้น ช่วยให้เทคอนกรีตได้ง่ายขึ้น ✅ ลดความเสี่ยงในการเกิดรอยแตกร้าว เนื่องจากโครงสร้างมีความแข็งแรงและกระจายน้ำหนักได้ดี ✅ เพิ่มความสะดวกในการติดตั้ง ช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 💙 หากคุณกำลังมองหาตะแกรงไวร์เมชคุณภาพสูง ที่ได้มาตรฐาน มอก. เลือก WMI Group         คำแนะนำเพิ่มเติมในการติดตั้งไวร์เมช • ควรเลือก ไวร์เมชมาตรฐาน มอก. เพื่อความแข็งแรงของโครงสร้าง • หลีกเลี่ยงการตัดไวร์เมชผิดขนาด ควรวัดพื้นที่ให้พอดีก่อน • หากต้องใช้ไวร์เมชหลายแผ่น ให้ซ้อนทับกันอย่างน้อย 20-30 ซม. ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการติดตั้งไวร์เมช ❌ วางไวร์เมชโดยไม่ปรับให้เรียบก่อน
❌ ใช้ไวร์เมชผิดขนาด ทำให้การเสริมแรงไม่เต็มประสิทธิภาพ
❌ ลืมล็อคไวร์เมช ทำให้เด้งตัวระหว่างเทคอนกรีต สรุป การแก้ไขไวร์เมชกระดกช่วยให้งานก่อสร้างแข็งแรงขึ้น ✅ การแก้ไขไวร์เมชแบบม้วนไม่ให้กระดก เป็นขั้นตอนสำคัญก่อนการเทคอนกรีต
เพราะช่วยให้โครงสร้างแข็งแรง ลดปัญหาการแตกร้าว และทำให้การติดตั้งสะดวกขึ้น ✅ การเลือกใช้ตะแกรงไวร์เมชแบบแผงแทนแบบม้วนสามารถช่วยลดปัญหาไวร์เมชกระดกได้
เนื่องจากแบบแผงมีลักษณะเรียบอยู่แล้ว และไม่ต้องเสียเวลาปรับให้แนบสนิทกับพื้น
ซึ่งช่วยประหยัดเวลาในการติดตั้งและลดต้นทุนแรงงาน”   ไวร์เมชเรียบแล้วดียังไง ✅ เทคอนกรีตได้ง่ายขึ้น ✅ ลดปัญหารอยแตกร้าวของโครงสร้าง ✅ ติดตั้งไวร์เมชได้ง่ายและรวดเร็ว หากต้องการตะแกรงไวร์เมชคุณภาพมาตรฐาน เลือก WMI Wire Mesh เพื่อความมั่นใจในทุกงานก่อสร้าง • โรงงานผลิตตะแกรงไวร์เมชมาตรฐาน มอก. 737-2549 • มีไวร์เมชให้เลือกทั้งแบบแผงและแบบม้วน พร้อมบริการจัดส่งทั่วประเทศ 📞 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อได้ที่   🌐 ดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมได้ที่: WMI Group 💙 ขอขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ Youtube ช่อง แคะแซะแงะ ขนาดตะแกรงไวร์เมชแบบม้วน ของ WMI Group • ขนาดสั่งผลิต ความกว้าง 2-4 เมตร ความยาว 30-50 เมตร
• ขนาดมาตรฐาน 2×50 เมตร ⭐ WMI ตะแกรงเหล็ก
เป็นตะแกรงเหล็กเสริมแรงคอนกรีต ที่ผลิตจากลวดเหล็กรีดเย็นคุณภาพสูง (COLD DRAWN STEEL)
ใช้แทนการผูกเหล็กธรรมดา มีคุณสมบัติของเหล็กดังนี้
• แรงดึงประลัย (TENSILE STRENGTH) 6,230 Kg / cm²
• กำลังคลาก (YIELD STRENGTH) 5,500 Kg / cm² ⭐ มาตรฐาน มอก 737-2549 WMI ตะแกรงเหล็ก ผลิตจากลวดเหล็กรีดเย็นคุณภาพสูง
นำมาเชื่อมเป็นตะแกรงด้วยระบบความต้านทานไฟฟ้า ( Electrical Resistance Welding)
โดยเครื่องจักรอัตรโนมัติที่มีความละเอียดสูง มีการควบคุมคุณภาพในระหว่างกระบวนการผลิต ทำให้คุณภาพของตะแกรงเหล็กเป็นไปตามข้อกำหนดของมาตรฐานอุตสาหกรรม มอก. 737-2531   ⭐ เหล็กเต็ม 100% ทุกเส้น ด้วยความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า และความตระหนักดีถึงคุณภาพของเหล็กที่ส่งผลต่อความแข็งแรงของงานก่อสร้าง
ในทุกขั้นตอนการผลิตมีการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ
ทำให้คุณภาพ WMI ตะแกรงเหล็กที่ส่งมอบให้ลูกค้า เต็มขนาด100% ทุกเส้น
สามารถตรวจสอบขนาด หรือชั่งน้ำหนักได้เที่ยงตรงตามมาตรฐาน  
28 กุมภาพันธ์ 2025

แนะนำการเลือกตะแกรงเหล็กเส้น

ตะแกรงเหล็กเส้น: วิธีการเลือกให้เหมาะกับงานก่อสร้าง ตะแกรงไวร์เมช เป็นวัสดุก่อสร้างที่ช่วยเสริมแรงให้โครงสร้างแข็งแรง ทนทาน และลดต้นทุนการก่อสร้างได้
หากเลือก ตะแกรงเหล็กเส้น ให้เหมาะสม จะช่วยให้งานก่อสร้างมีประสิทธิภาพและเสร็จเร็วขึ้น
โดยตะแกรงเหล็กเส้นแต่ละขนาดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกให้เหมาะสมจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม • ตะแกรงเหล็กเส้น (Wire Mesh) คืออะไร?
• วิธีเลือกขนาดตะแกรงเหล็กเส้นให้เหมาะสม
• สรุปและข้อเสนอแนะ ตะแกรงเหล็กเส้น (Wire Mesh) คืออะไร? เป็นเหล็กเสริมแรงที่ผลิตจากเหล็กรีดเย็น นำมาถักหรือเชื่อมเป็นแผ่น
ใช้สำหรับเสริมแรงในงานก่อสร้าง เช่น งานเทพื้นถนน พื้นโรงงาน พื้นบ้าน หรือโครงสร้างขนาดใหญ่ วิธีเลือกขนาดไวร์เมชให้เหมาะสม ขนาดของตะแกรงเหล็ก หรือไวร์เมชมีหน่วยวัดเป็นมิลลิเมตร (มม.) โดยขนาดที่หนาขึ้นจะสามารถรับน้ำหนักได้มากขึ้น ตะแกรงไวร์เมชขนาด 2.8 – 4 มิลลิเมตร เหมาะสำหรับ • งานพื้นบ้าน, พื้นห้องน้ำ, โรงรถ
• ลานจอดรถ, พื้นรอบเสาเข็ม
• พื้นสนามเด็กเล่น, พื้นโรงงาน, พื้นระเบียง
• พื้นทางเดินในสวนสาธารณะ ตะแกรงไวร์เมชขนาด 4 – 6 มิลลิเมตร เหมาะสำหรับ • งานพื้นบ้าน, พื้นห้องน้ำ, โรงรถ
• พื้นโกดังสินค้า, ห้างสรรพสินค้า, ศูนย์การค้า
• พื้นที่ทำงานก่อสร้าง, พื้นที่จอดรถบรรทุก
• พื้นชั้นใต้ดิน, พื้นถนนทั่วไป
• พื้นสนามกีฬา, พื้นที่เลี้ยงสัตว์ ตะแกรงไวร์เมชขนาด 9 – 12 มิลลิเมตร เหมาะสำหรับ • งานพื้นบ้าน, พื้นห้องน้ำ, โรงรถ
• งานโครงสร้างขนาดใหญ่ เช่น สนามบิน, ท่าเรือ
• โรงงานอุตสาหกรรมหนัก, อาคารจอดรถหลายชั้น
• โกดังเก็บสินค้าหนัก
• สถานีรถไฟ
• งานโครงสร้างพิเศษ เช่น เขื่อน, อุโมงค์, ถนนรถบรรทุก   สรุปและข้อเสนอแนะ ตะแกรงไวร์เมชเป็นวัสดุสำคัญที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับโครงสร้าง
เลือกขนาดให้เหมาะสมเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด อย่าลืมเลือกซื้อจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน มอก. เพื่อความปลอดภัยและความทนทานสูงสุด เลือกซื้อตะแกรงไวร์เมชคุณภาพ มาตรฐาน มอก. หากต้องการ ไวร์เมช คุณภาพดี ที่ผ่านมาตรฐาน มอก. และจัดส่งถึงไซต์งานของคุณ
คลิกที่นี่ เพื่อสั่งซื้อ เรามีบริการจัดส่งทั่วประเทศ         ข้อดีของตะแกรงเหล็กไวร์เมช (Wire Mesh) 1. ประหยัดต้นทุน ลดของเสีย ตะแกรงเหล็กไวร์เมช (Wire Mesh) มีกำลังคลาก (Yield Strength) สูงกว่าเหล็กเส้นธรรมดา ถึงทำให้ใช้เหล็กน้อยลงโดยไม่ลดคุณภาพของโครงสร้าง นอกจากนี้ ไวร์เมชสามารถผลิตตามขนาดที่ต้องการ ลดเศษเหล็กเหลือทิ้ง และช่วยลดต้นทุนวัสดุอย่างมีประสิทธิภาพ   2. ติดตั้งไว งานเสร็จเร็วขึ้น ตะแกรงเหล็กไวร์เมชถูกเชื่อมเป็นตารางสำเร็จรูป ช่วยลดเวลาในการผูกเหล็กและติดตั้ง สามารถนำไปใช้งานได้ทันที โดยจากการประเมินโครงการก่อสร้าง พบว่าการใช้ไวร์เมชช่วยลดเวลาในการทำงานได้อย่างมาก ทำให้โครงการเสร็จเร็วขึ้น และประหยัดค่าแรง   3. ใช้งานได้หลากหลาย แข็งแรงทนทาน ตะแกรงเหล็กไวร์เมชสามารถใช้ได้กับงานคอนกรีตเสริมเหล็กทุกประเภท เช่น พื้นถนน พื้นอาคาร กำแพงกันดิน และโครงสร้างอื่นๆ นอกจากนี้ ยังสามารถดัดขึ้นรูปเพื่อใช้ในงานเฉพาะ เช่น บันได ท่อคอนกรีต หรือพื้นสำเร็จรูป ช่วยเพิ่มความสะดวกในการก่อสร้างและรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ประเภทของตะแกรงเหล็กเส้น 1. เหล็กเส้นกลม (Round Bar) เหล็กเส้นกลมเป็นเหล็กที่มีลักษณะผิวเรียบ หน้าตัดเป็นวงกลม นิยมใช้ในงานโครงสร้างขนาดเล็กและขนาดกลาง เช่น
• ปลอกเสา ปลอกคาน – ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้โครงสร้าง
• งานโครงสร้างถนน – ใช้เสริมแรงและป้องกันการแตกร้าวของคอนกรีต
• งานก่อสร้างทั่วไป – เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการดัดงอเพื่อช่วยถ่ายแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จุดเด่นของเหล็กเส้นกลมคือ ความง่ายในการดัดและขึ้นรูป แต่มีแรงยึดเกาะกับคอนกรีตน้อยกว่าเหล็กเส้นข้ออ้อย   2. เหล็กเส้นข้ออ้อย (Deformed Bar) เหล็กเส้นข้ออ้อย เป็นเหล็กเสริมคอนกรีตที่มีลักษณะพิเศษ มีบั้งหรือลายปล้องตลอดทั้งเส้น เพื่อเพิ่มแรงยึดเกาะกับคอนกรีตมากกว่าเหล็กเส้นกลม การใช้งานที่ต้องการความแข็งแรงสูง เช่น
• โครงสร้างอาคารสูง – รองรับน้ำหนักและแรงดึงได้ดี
• ถนนคอนกรีตและสะพาน – เพิ่มความแข็งแรงให้พื้นถนน
• เขื่อนและสนามบิน – ป้องกันการแตกร้าวและกระจายแรงได้ดี
• บ่อและสระน้ำ – ช่วยป้องกันการรั่วซึมของคอนกรีต
จุดเด่นของเหล็กเส้นกลมคือ ความง่ายในการดัดและขึ้นรูป แต่มีแรงยึดเกาะกับคอนกรีตน้อยกว่าเหล็กเส้นข้ออ้อย 🌐 ดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมได้ที่: WMI Group
27 กุมภาพันธ์ 2025

ตะแกรงเหล็กเส้น คืออะไร

ตะแกรงเหล็กเส้น คืออะไร? เลือกใช้อย่างไรให้เหมาะกับงานปูพื้นคอนกรีต เมื่อต้องการเสริมความแข็งแรงให้กับโครงสร้างคอนกรีต ” ตะแกรงเหล็กเส้น ” หรือ “ตะแกรงไวร์เมชwmi” เป็นวัสดุสำคัญที่ช่วยเพิ่มความทนทาน ลดการแตกร้าว และรองรับน้ำหนักได้อย่างดี ในบทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับตะแกรงเหล็กเส้น และวิธีเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับงานปูพื้นคอนกรีต ตะแกรงเหล็กเส้น คืออะไร? ตะแกรงเหล็กเส้น (Wire Mesh Reinforcement) คือโครงสร้างเหล็กที่เกิดจากการนำเหล็กเส้นกลมหรือเหล็กข้ออ้อยมาจัดเรียงเป็นตาข่าย แล้วเชื่อมติดกันเป็นแผ่นหรือม้วน นิยมใช้เป็นโครงเสริมแรงสำหรับงานก่อสร้างต่างๆ โดยเฉพาะการปูพื้นคอนกรีต เพื่อป้องกันการแตกร้าวและเพิ่มความแข็งแรงให้กับโครงสร้าง ข้อดีของการใช้ ตะแกรงเหล็กเส้น สำหรับปูพื้นคอนกรีต ช่วยเสริมความแข็งแรง – ทำให้คอนกรีตทนต่อแรงดึงและแรงอัดได้ดีขึ้น ลดการแตกร้าวของคอนกรีต – ลดปัญหาการแตกร้าวจากการหดตัวหรือการขยายตัวของคอนกรีต ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว – ตะแกรงไวร์เมชมาเป็นแผ่นหรือม้วน สามารถนำไปใช้ได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาผูกเหล็กหน้างาน ช่วยกระจายแรงอย่างสม่ำเสมอ – ช่วยให้พื้นคอนกรีตรับน้ำหนักได้ทั่วถึง ลดความเสี่ยงของการทรุดตัว การเลือกตะแกรงเหล็กเส้นให้เหมาะกับงานปูพื้นคอนกรีต เลือกขนาดและความหนาให้เหมาะสม – ขึ้นอยู่กับประเภทของงาน เช่น งานพื้นบ้าน พื้นถนน หรือโรงงานที่ต้องรับน้ำหนักมาก เลือกวัสดุที่ได้มาตรฐาน – ควรเลือกตะแกรงเหล็กเส้นที่ผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) เพื่อความปลอดภัย เลือกแบบม้วนหรือแบบแผ่น – แบบม้วนเหมาะกับงานที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง ส่วนแบบแผ่นเหมาะกับพื้นที่กว้างและต้องการความแข็งแรงเป็นพิเศษ สรุป ตะแกรงเหล็กเส้น ตะแกรงเหล็กเส้น หรือ ตะแกรงไวร์เมชเป็นวัสดุที่ขาดไม่ได้สำหรับงานปูพื้นคอนกรีต โดยช่วยเสริมความแข็งแรง ลดการแตกร้าว และเพิ่มอายุการใช้งานของพื้นคอนกรีต การเลือกใช้ตะแกรงเหล็กเส้นควรพิจารณาความหนา ขนาด และมาตรฐานของวัสดุ เพื่อให้เหมาะสมกับประเภทของงาน ไม่ว่าจะเป็นงานบ้าน ถนน หรือโรงงานอุตสาหกรรม การติดตั้งที่ถูกต้องและเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพจะช่วยให้พื้นคอนกรีตมีประสิทธิภาพและรองรับน้ำหนักได้อย่างดี หากคุณกำลังมองหาตะแกรงเหล็กเส้น ควรเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยของโครงสร้างของคุณ หากคุณกำลังมองหาตะแกรงเหล็กเส้นสำหรับงานปูพื้นคอนกรีต อย่าลืมเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานและเหมาะสมกับประเภทงานของคุณ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด  
17 กุมภาพันธ์ 2025
ไวร์เมช wire mesh, ตะแกรงไวร์เมช, เหล็กไวร์เมช

โครงการศุภาลัย พาร์ควิลล์ รังสิต คลอง 4

ตะแกรงไวร์เมช WMI
ขอขอบคุณโครงการศุภาลัย พาร์ควิลล์ รังสิต คลอง 4 โครงการศุภาลัย พาร์ควิลล์ รังสิต คลอง 4    โครงการ ศุภาลัย พาร์ควิลล์ รังสิต คลอง 4 เป็นหนึ่งในโครงการบ้านจัดสรรที่โดดเด่นในพื้นที่รังสิต จังหวัดปทุมธานี ด้วยการออกแบบที่ทันสมัยและใส่ใจในทุกขั้นตอนการก่อสร้าง โครงการนี้ประกอบด้วยบ้านจัดสรรคุณภาพสูงจำนวนหลายร้อยยูนิต เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการบ้านที่มีมาตรฐาน ความทนทาน และพื้นที่ใช้สอยที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตยุคใหม่
สำหรับโครงการนี้ การเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่ได้มาตรฐานเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้บ้านทุกหลังมีความแข็งแรง ทนทาน และสามารถรองรับการใช้งานในระยะยาว ทีมวิศวกรและผู้บริหารโครงการจึงให้ความสำคัญอย่างมากกับการเลือกใช้ ตะแกรงไวร์เมช WMI ในงานโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก เนื่องจากตะแกรงไวร์เมชมีคุณสมบัติในการเสริมแรงคอนกรีตให้ทนต่อแรงดึงและแรงอัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้โครงสร้างบ้านมั่นคงและปลอดภัยสำหรับผู้อยู่อาศัย
นอกจากนี้โครงการยังเน้นเรื่องการบริหารจัดการวัสดุที่มีประสิทธิภาพ การเลือกใช้ตะแกรงไวร์เมชจาก WMI Group ช่วยลดขั้นตอนการจัดซื้อ จัดส่ง และติดตั้ง และ WMI Group มีโรงงานผลิตครอบคลุมหลายสาขาทั่วประเทศ ทำให้สามารถจัดส่งสินค้าตรงเวลาและต่อเนื่องตามแผนก่อสร้างของโครงการได้อย่างราบรื่น ทำไมเลือกใช้ ไวร์เมช WMI Group    อันดับแรกคือความแข็งแรงและทนทานของวัสดุ ตะแกรงไวร์เมช WMI ผลิตด้วยเทคโนโลยี Electrical Resistance Welding (ERW) ที่ทันสมัย ทำให้โครงสร้างลวดเชื่อมติดแน่น ทนต่อแรงดึงและแรงอัดได้ดี เหมาะสำหรับงานคอนกรีตเสริมเหล็กทั้งแบบพื้น ผนัง และเสา นอกจากนี้ WMI Group ยังรับรองมาตรฐาน มอก. และ Made in Thailand (MiT) ซึ่งยืนยันว่าโครงสร้างวัสดุผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรมไทยและสามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจ
อีกเหตุผลสำคัญ คือการให้บริการที่ครบวงจร WMI Group สามารถจัดส่งตะแกรงไวร์เมชได้อย่างต่อเนื่องและตรงเวลา ทำให้โครงการสามารถวางแผนก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความล่าช้าในการก่อสร้าง ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบสำคัญสำหรับโครงการใหญ่ที่มีตารางเวลาที่แน่นหนา
สุดท้าย การสนับสนุนด้านเทคนิคและการให้คำปรึกษาของทีม WMI Group ยังช่วยให้โครงการสามารถเลือกชนิดและขนาดของตะแกรงไวร์เมชที่เหมาะสมที่สุดสำหรับงานแต่ละส่วน ทำให้การติดตั้งรวดเร็วและลดความผิดพลาดในการวางตำแหน่งของตะแกรง ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในระยะยาว คุณภาพและมาตรฐานตะแกรงไวร์เมช WMI    ตะแกรงไวร์เมชของ WMI ผลิตจาก ลวดเหล็กคุณภาพสูง ผ่านการทอด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติ ทำให้แต่ละจุดเชื่อมแน่นหนาและมีโครงสร้างที่สมบูรณ์แบบ
นอกจากนี้ WMI ยังมุ่งเน้นคุณภาพตามมาตรฐาน TIS (Thai Industrial Standards) ซึ่งเป็นข้อกำหนดของการผลิต Wire Mesh ในประเทศไทย เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ส่งถึงลูกค้าจะมีความสอดคล้องทั้งในด้านความทนทานและความปลอดภัยต่อโครงสร้างคอนกรีต บริการจัดส่งรวดเร็ว โรงงานผลิต 5 สาขา ครอบคลุมทั่วประเทศ   ด้วยโรงงานผลิตของ WMI ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศถึง 5 สาขา ● นนทบุรี
● นครสวรรค์
● ขอนแก่น
● นครราชสีมา
● ชลบุรี    ทำให้สามารถจัดส่งตะแกรงไวร์เมชได้อย่างรวดเร็วและตรงตามกำหนด ในทุกภูมิภาคของไทย ทีมงานยังให้การดูแลตั้งแต่ขั้นตอนให้คำปรึกษา การจัดส่ง ไปจนถึงการดูแลหลังการขาย เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด สั่งไวร์เมชกับ WMI Group ง่ายๆ แค่ คลิก ติดต่อเราเพื่อขอใบเสนอราคา, ปรึกษาเรื่องการใช้ไวร์เมช, หรือเช็คราคาใกล้คุณ ได้ทันที


19 ธันวาคม 2024

โครงการ Centro Bangna

ไวร์เมช WMI
ขอขอบคุณโครงการ Centro Bangna โครงการ Centro Bangna Centro Bangna เป็นโครงการบ้านเดี่ยวและวิลล่าแนวโมเดิร์น-อังกฤษ ทำเลที่ตั้ง ตั้งอยู่ในเขต บางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ใกล้กับสิ่งอำนวยความสะดวกหลัก เช่น Mega Bangna ห้างขนาดใหญ่เพียงประมาณ 1 กม. จากโครงการ
นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมต่อที่ดีไปยังทางด่วน กาญจนาภิเษก และ บูรพาวิถี ซึ่งง่ายต่อการเดินทางทั้งเข้าเมืองและออกนอกเมือง ขนาดโครงการ & จำนวนยูนิต • มีพื้นที่โครงการรวมประมาณ 88-2-20 ไร่ พร้อมจำนวนบ้าน 382 หลัง
• โครงการนี้สร้างเสร็จเมื่อเดือน พฤษภาคม 2023 ภายใต้ชื่อ Centro Bangna แบบบ้าน & ฟังก์ชัน โครงการมีแบบบ้านให้เลือกหลากหลาย ด้วยพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 164–303 ตร.ม.
ฟังก์ชันทั่วไปมีตั้งแต่ 3–4 ห้องนอน, 3–5 ห้องน้ำ และที่จอดรถในร่ม 2–3 คัน
ตัวอย่างแบบบ้านหลัก ได้แก่: • Devy – พื้นที่ใช้สอย 230 ตร.ม., 4 ห้องนอน, 4 ห้องน้ำ
• Francis – พื้นที่ใช้สอย 265 ตร.ม., 4 ห้องนอน, 5 ห้องน้ำ
• Duncan – พื้นที่ใช้สอย 280 ตร.ม., ฟังก์ชันครบน้ำ
• Angelo – พื้นที่ใช้สอย 303 ตร.ม., ฟังก์ชันใหญ่สุด สำหรับโครงการนี้ การเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่ได้มาตรฐานเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้บ้านทุกหลังมีความแข็งแรง ทนทาน และสามารถรองรับการใช้งานในระยะยาว ทีมวิศวกรและผู้บริหารโครงการจึงให้ความสำคัญอย่างมากกับการเลือกใช้ ตะแกรงไวร์เมช WMI ในงานโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก เนื่องจากตะแกรงไวร์เมชมีคุณสมบัติในการเสริมแรงคอนกรีตให้ทนต่อแรงดึงและแรงอัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้โครงสร้างบ้านมั่นคงและปลอดภัยสำหรับผู้อยู่อาศัย
นอกจากนี้โครงการยังเน้นเรื่องการบริหารจัดการวัสดุที่มีประสิทธิภาพ การเลือกใช้ตะแกรงไวร์เมชจาก WMI Group ช่วยลดขั้นตอนการจัดซื้อ จัดส่ง และติดตั้ง และ WMI Group มีโรงงานผลิตครอบคลุมหลายสาขาทั่วประเทศ ทำให้สามารถจัดส่งสินค้าตรงเวลาและต่อเนื่องตามแผนก่อสร้างของโครงการได้อย่างราบรื่น ทำไมเลือกใช้ ไวร์เมช WMI Group    อันดับแรกคือความแข็งแรงและทนทานของวัสดุ ตะแกรงไวร์เมช WMI ผลิตด้วยเทคโนโลยี Electrical Resistance Welding (ERW) ที่ทันสมัย ทำให้โครงสร้างลวดเชื่อมติดแน่น ทนต่อแรงดึงและแรงอัดได้ดี เหมาะสำหรับงานคอนกรีตเสริมเหล็กทั้งแบบพื้น ผนัง และเสา นอกจากนี้ WMI Group ยังรับรองมาตรฐาน มอก. และ Made in Thailand (MiT) ซึ่งยืนยันว่าโครงสร้างวัสดุผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรมไทยและสามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจ
อีกเหตุผลสำคัญ คือการให้บริการที่ครบวงจร WMI Group สามารถจัดส่งตะแกรงไวร์เมชได้อย่างต่อเนื่องและตรงเวลา ทำให้โครงการสามารถวางแผนก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความล่าช้าในการก่อสร้าง ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบสำคัญสำหรับโครงการใหญ่ที่มีตารางเวลาที่แน่นหนา
สุดท้าย การสนับสนุนด้านเทคนิคและการให้คำปรึกษาของทีม WMI Group ยังช่วยให้โครงการสามารถเลือกชนิดและขนาดของตะแกรงไวร์เมชที่เหมาะสมที่สุดสำหรับงานแต่ละส่วน ทำให้การติดตั้งรวดเร็วและลดความผิดพลาดในการวางตำแหน่งของตะแกรง ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในระยะยาว คุณภาพและมาตรฐานตะแกรงไวร์เมช WMI    ตะแกรงไวร์เมชของ WMI ผลิตจาก ลวดเหล็กคุณภาพสูง ผ่านการทอด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติ ทำให้แต่ละจุดเชื่อมแน่นหนาและมีโครงสร้างที่สมบูรณ์แบบ
นอกจากนี้ WMI ยังมุ่งเน้นคุณภาพตามมาตรฐาน TIS (Thai Industrial Standards) ซึ่งเป็นข้อกำหนดของการผลิต Wire Mesh ในประเทศไทย เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ส่งถึงลูกค้าจะมีความสอดคล้องทั้งในด้านความทนทานและความปลอดภัยต่อโครงสร้างคอนกรีต บริการจัดส่งรวดเร็ว โรงงานผลิต 5 สาขา ครอบคลุมทั่วประเทศ   ด้วยโรงงานผลิตของ WMI ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศถึง 5 สาขา ● นนทบุรี
● นครสวรรค์
● ขอนแก่น
● นครราชสีมา
● ชลบุรี    ทำให้สามารถจัดส่งตะแกรงไวร์เมชได้อย่างรวดเร็วและตรงตามกำหนด ในทุกภูมิภาคของไทย ทีมงานยังให้การดูแลตั้งแต่ขั้นตอนให้คำปรึกษา การจัดส่ง ไปจนถึงการดูแลหลังการขาย เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด สั่งไวร์เมชกับ WMI Group ง่ายๆ แค่ คลิก ติดต่อเราเพื่อขอใบเสนอราคา, ปรึกษาเรื่องการใช้ไวร์เมช, หรือเช็คราคาใกล้คุณ ได้ทันที


18 ธันวาคม 2024
ไวร์เมช WMI คือวัสดุก่อสร้างที่ได้รับความไว้วางใจจากโครงการก่อสร้างชั้นนำทั่วประเทศ ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นในด้านความแข็งแรงและมาตรฐานการผลิตระดับสูง ไวร์เมช WMI ช่วยเพิ่มความมั่นใจในโครงสร้างที่ทนทานและมีประสิทธิภาพ

โครงการ Supalai Lagoon Huahin

ตะแกรงไวร์เมช WMI
ขอขอบคุณโครงการ Supalai Lagoon Huahin    โครงการ Supalai Lagoon Huahin เลือกใช้ ตะแกรงไวร์เมช WMI สำหรับงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและมาตรฐานในการทำงาน วิศวกรและผู้รับเหมามั่นใจได้ในคุณภาพของเหล็กไวร์เมชที่ผ่านมาตรฐาน มอก. และเป็นที่ยอมรับในวงการก่อสร้างทั่วประเทศ โครงการ Supalai Lagoon Huahin    Supalai Lagoon Hua Hin เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ดีไซน์เรียบหรู ในสไตล์ Tuscany (ทัสคานี) ที่เน้นบรรยากาศอบอุ่น และผสานธรรมชาติแบบยุโรปเข้ากับการใช้ชีวิตสมัยใหม่ ทำเลที่ตั้ง ตั้งอยู่ติด ถนนหลวงหมายเลข 3218 ใกล้กับเส้นบายพาสเลี่ยงเมืองชะอำ–ปราณบุรี ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองหัวหินเพียงไม่กี่นาที
บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะกับการพักผ่อน มีธรรมชาติโอบล้อม และใกล้สถานศึกษา เช่น โรงเรียนนานาชาติหัวหิน และมหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตเพชรบุรี แบบบ้าน • RICCO
• REGINA, GRADINO, JASMINE, GROSSO, ROSSELLA
• MONTANA ฟังก์ชัน &เทคโนโลยีบ้าน • ออกแบบให้มี ช่องแสงหลายจุด เพื่อให้ภายในบ้านโปร่งสว่างและถ่ายเทอากาศได้ดี
• ติดตั้ง Home Automation, Magnetic Sensor, และ Junction Box ที่รองรับการติดตั้ง EV Charger
• บนหลังคาแต่ละหลังติดตั้ง Solar Cell เพื่อเติมเต็มแนวทางการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืนในอนาคต ทำไมเลือกใช้ ไวร์เมช WMI Group    อันดับแรกคือความแข็งแรงและทนทานของวัสดุ ตะแกรงไวร์เมช WMI ผลิตด้วยเทคโนโลยี Electrical Resistance Welding (ERW) ที่ทันสมัย ทำให้โครงสร้างลวดเชื่อมติดแน่น ทนต่อแรงดึงและแรงอัดได้ดี เหมาะสำหรับงานคอนกรีตเสริมเหล็กทั้งแบบพื้น ผนัง และเสา นอกจากนี้ WMI Group ยังรับรองมาตรฐาน มอก. และ Made in Thailand (MiT) ซึ่งยืนยันว่าโครงสร้างวัสดุผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรมไทยและสามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจ
อีกเหตุผลสำคัญ คือการให้บริการที่ครบวงจร WMI Group สามารถจัดส่งตะแกรงไวร์เมชได้อย่างต่อเนื่องและตรงเวลา ทำให้โครงการสามารถวางแผนก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความล่าช้าในการก่อสร้าง ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบสำคัญสำหรับโครงการใหญ่ที่มีตารางเวลาที่แน่นหนา
สุดท้าย การสนับสนุนด้านเทคนิคและการให้คำปรึกษาของทีม WMI Group ยังช่วยให้โครงการสามารถเลือกชนิดและขนาดของตะแกรงไวร์เมชที่เหมาะสมที่สุดสำหรับงานแต่ละส่วน ทำให้การติดตั้งรวดเร็วและลดความผิดพลาดในการวางตำแหน่งของตะแกรง ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในระยะยาว คุณภาพและมาตรฐานตะแกรงไวร์เมช WMI    ตะแกรงไวร์เมชของ WMI ผลิตจาก ลวดเหล็กคุณภาพสูง ผ่านการทอด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติ ทำให้แต่ละจุดเชื่อมแน่นหนาและมีโครงสร้างที่สมบูรณ์แบบ
นอกจากนี้ WMI ยังมุ่งเน้นคุณภาพตามมาตรฐาน TIS (Thai Industrial Standards) ซึ่งเป็นข้อกำหนดของการผลิต Wire Mesh ในประเทศไทย เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ส่งถึงลูกค้าจะมีความสอดคล้องทั้งในด้านความทนทานและความปลอดภัยต่อโครงสร้างคอนกรีต บริการจัดส่งรวดเร็ว โรงงานผลิต 5 สาขา ครอบคลุมทั่วประเทศ   ด้วยโรงงานผลิตของ WMI ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศถึง 5 สาขา ● นนทบุรี
● นครสวรรค์
● ขอนแก่น
● นครราชสีมา
● ชลบุรี    ทำให้สามารถจัดส่งตะแกรงไวร์เมชได้อย่างรวดเร็วและตรงตามกำหนด ในทุกภูมิภาคของไทย ทีมงานยังให้การดูแลตั้งแต่ขั้นตอนให้คำปรึกษา การจัดส่ง ไปจนถึงการดูแลหลังการขาย เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด สั่งไวร์เมชกับ WMI Group ง่ายๆ แค่ คลิก ติดต่อเราเพื่อขอใบเสนอราคา, ปรึกษาเรื่องการใช้ไวร์เมช, หรือเช็คราคาใกล้คุณ ได้ทันที


18 ธันวาคม 2024
ลานจอดรถคุณภาพที่วัดเล่งเน่ยยี่ 2

วัดเล่งเน่ยยี่ 2

วัดเล่งเน่ยยี่ 2 | ไวร์เมช WMI Group วัดเล่งเน่ยยี่ 2    หากคุณกำลังมองหาสถานที่เสริมดวง แก้ปีชง และเพิ่มความเป็นสิริมงคลในชีวิต วัดเล่งเน่ยยี่ 2 คือจุดหมายที่คุณไม่ควรพลาด ด้วยบรรยากาศที่สงบงามและพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ วัดเล่งเน่ยยี่ 2 เป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมในการแก้ชง และเสริมดวง ลานจอดรถวัดเล่งเน่ยยี่ 2 ผลงานคุณภาพจากไวร์เมช WMI    หนึ่งในจุดเด่นของวัดเล่งเน่ยยี่ 2 คือ ลานจอดรถที่กว้างขวางและแข็งแรง ซึ่งไวร์เมช WMI ได้มีส่วนร่วมในการก่อสร้าง ด้วยคุณสมบัติที่ตอบโจทย์งานคอนกรีตเสริมเหล็ก ไวร์เมช WMI ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความทนทานให้กับพื้นลานจอดรถ ทำให้รองรับน้ำหนักของยานพาหนะได้เป็นอย่างดี ทำไม ไวร์เมช WMI เหมาะกับลานจอดรถ?    อันดับแรกคือความแข็งแรงและทนทานของวัสดุ ตะแกรงไวร์เมช WMI ผลิตด้วยเทคโนโลยี Electrical Resistance Welding (ERW) ที่ทันสมัย ทำให้โครงสร้างลวดเชื่อมติดแน่น ทนต่อแรงดึงและแรงอัดได้ดี เหมาะสำหรับงานคอนกรีตเสริมเหล็ก
• คุณภาพสูง ผ่านการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.)
• แข็งแรงและทนทาน รับแรงดึงได้สูง ช่วยเพิ่มความมั่นคงของโครงสร้าง
• ประหยัดเวลาและต้นทุน ลดเวลาในการก่อสร้างและลดการสูญเสียวัสดุ
อีกเหตุผลสำคัญ คือการให้บริการที่ครบวงจร WMI Group สามารถจัดส่งตะแกรงไวร์เมชได้อย่างต่อเนื่องและตรงเวลา ทำให้โครงการสามารถวางแผนก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความล่าช้าในการก่อสร้าง ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบสำคัญสำหรับโครงการใหญ่ที่มีตารางเวลาที่แน่นหนา
สุดท้าย การสนับสนุนด้านเทคนิคและการให้คำปรึกษาของทีม WMI Group ยังช่วยให้โครงการสามารถเลือกชนิดและขนาดของตะแกรงไวร์เมชที่เหมาะสมที่สุดสำหรับงานแต่ละส่วน ทำให้การติดตั้งรวดเร็วและลดความผิดพลาดในการวางตำแหน่งของตะแกรง ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในระยะยาว เคล็ดลับเสริมดวงที่วัดเล่งเน่ยยี่ 2    หลังจากจอดรถในลานจอดที่แข็งแรงและปลอดภัยแล้ว อย่าลืมร่วมทำบุญและพิธีแก้ปีชงที่วัดวัดเล่งเน่ยยี่ 2 🏮 ไหว้ขอพรพระประธาน เสริมสิริมงคล ⭐️ ภายในพระอุโบสถของวัดเล่งเน่ยยี่ 2 ประดิษฐานองค์พระประธาน 3 องค์ใหญ่ คือ
• พระศรีศากยมุนีพุทธเจ้า
• พระอมิตาภพุทธเจ้า
• พระไภษัชยคุรุไวฑูรย์พุทธเจ้า 🏮 พิธีฝากดวงชะตา แก้ปีงชง
    ควรเริ่มต้นที่การฝากดวงชะตากับ “เทพไท้ส่วยเอี้ย” ก่อน เพื่อให้ท่านคอยปกปักคุ้มครองเรา
เมื่อเดินทางเข้าวัดมา ด้านหน้าของวัดเลยที่เราเห็นเป็นที่แรก คือจุดที่เราจะซื้อชุดฝากดวงแก้ปีชงได้
ให้ถอดรองเท้านำใส่ถุงที่ทางวัดจัดให้ เสร็จแล้วซื้อชุดฝากดวงกันได้เลย จากนั้นให้ทำตามขั้นตอนดังนี้
1. นำใบฝากดวงมาเขียน ชื่อ-นามสกุล อายุ วันเดือนปีเกิดและเวลาตกฟาก (หากไม่ทราบเวลาตกฟาก ให้เขียนคำว่า “ดี”)
2. นำชุดฝากดวงแก้ปีชง ไปจุดไหว้องค์เทพไท้ส่วยเอี้ย ที่วิหารจตุโลกบาลชั้น 2
3. อธิษฐานคำภาวนาตามเนื้อหาในชุดฝากดวงชะตา เพื่อขอเทวานุภาพองค์เทพปกปักคุ้มคอง
4. นำชุดฝากดวงปัดตัวตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า 12 ครั้ง
5. นำชุดฝากดวงบรรุในตู้เก็บดวงชะตา เป็นอันเสร็จพิธี 🏮 พิธีขมากรรมสูตร (梁皇宝忏)
   ในทุกปีทางวัดจะมีการจัดงานนี้ ตามปฏิทินจันทรคติจีนเดือน 2 ตั้งแต่วันที่ 12 ถึง 16
🔸โดยพิธีนี้ทางวัดจะเปิดให้ญาติโยมลงชื่อทำบุญเป็นรายบุคคล (ไม่สามารถลงชื่อเป็นครอบครัวได้เนื่องด้วยทุกท่านจะมีกรรมและเจ้ากรรมนายเวรที่ไม่เหมือนกัน)
🔸เมื่อทำบุญลงชื่อไว้แล้วทางวัดจะนำรายชื่อไปสวดมนต์ให้เป็นเวลา 5 วัน 5 คืน
เพื่อเป็นการอุทิศบุญกุศล ให้แก่เจ้ากรรมนายเวร และสรรพสัตว์ ตัดรอนวิบากกรรม ลดละอกุศลกรรมบาป เพิ่มพูนปัญญาบารมี เจริญซึ่งความสุขสวัสดิพิพัฒนมงคล มาสู่ผู้ลงชื่อทำบุญและครอบครัว คุณภาพและมาตรฐานตะแกรงไวร์เมช WMI    ตะแกรงไวร์เมชของ WMI ผลิตจาก ลวดเหล็กคุณภาพสูง ผ่านการทอด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติ ทำให้แต่ละจุดเชื่อมแน่นหนาและมีโครงสร้างที่สมบูรณ์แบบ
นอกจากนี้ WMI ยังมุ่งเน้นคุณภาพตามมาตรฐาน TIS (Thai Industrial Standards) ซึ่งเป็นข้อกำหนดของการผลิต Wire Mesh ในประเทศไทย เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ส่งถึงลูกค้าจะมีความสอดคล้องทั้งในด้านความทนทานและความปลอดภัยต่อโครงสร้างคอนกรีต บริการจัดส่งรวดเร็ว โรงงานผลิต 5 สาขา ครอบคลุมทั่วประเทศ   ด้วยโรงงานผลิตของ WMI ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศถึง 5 สาขา ● นนทบุรี
● นครสวรรค์
● ขอนแก่น
● นครราชสีมา
● ชลบุรี    ทำให้สามารถจัดส่งตะแกรงไวร์เมชได้อย่างรวดเร็วและตรงตามกำหนด ในทุกภูมิภาคของไทย ทีมงานยังให้การดูแลตั้งแต่ขั้นตอนให้คำปรึกษา การจัดส่ง ไปจนถึงการดูแลหลังการขาย เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด สั่งไวร์เมชกับ WMI Group ง่ายๆ แค่ คลิก ติดต่อเราเพื่อขอใบเสนอราคา, ปรึกษาเรื่องการใช้ไวร์เมช, หรือเช็คราคาใกล้คุณ ได้ทันที


13 ธันวาคม 2024

การเลือกตะแกรงไวร์เมช จาก WMI ผู้เชียวชาญด้านไวร์เมช

การเลือกตะแกรงไวร์เมชที่เหมาะสมกับงานก่อสร้าง ในการก่อสร้างบ้านหรืออาคาร การเลือกใช้ ตะแกรงไวร์เมช ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเสริมความแข็งแรงของโครงสร้างพื้นและผนังคอนกรีต ไม่เพียงช่วยเพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้าง แต่ยังช่วยลดต้นทุนและเวลาในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับผู้ที่กำลังมองหาตะแกรงไวร์เมชคุณภาพสูงจากผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ WMI Group ขอนำเสนอบทความการเลือกตะแกรงไวร์เมช เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจลักษณะการใช้งานในแต่ละขนาด และเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตรงตามความต้องการมากที่สุด ตะแกรงไวร์เมชขนาด 2.8-4 มิลลิเมตร
เหมาะสำหรับงานโครงสร้างเบาหรือการใช้งานที่ไม่ต้องการรับน้ำหนักมาก เช่น • พื้นบ้าน
• พื้นห้องน้ำ
• โรงรถ ลานจอดรถ
• พื้นที่รอบเสาเข็ม
• พื้นสนามเด็กเล่น
• พื้นระเบียง
• พื้นทางเดิน
• สวนสาธารณะ ตะแกรงไวร์เมชขนาด 4-6 มิลลิเมตร
เป็นขนาดมาตรฐานที่เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรงปานกลาง เช่น • พื้นบ้าน
• พื้นโกดังสินค้า
• ห้างสรรพสินค้า/ศูนย์การค้า
• พื้นที่ทำงานก่อสร้าง
• พื้นที่จอดรถบรรทุก
• พื้นชั้นใต้ดิน
• พื้นถนนทั่วไป
• พื้นสนามกีฬา
• พื้นที่เลี้ยงสัตว์ *ขนาดนี้เป็นที่นิยมเนื่องจากรองรับน้ำหนักได้ดี และมีอายุการใช้งานยาวนาน* ตะแกรงไวร์เมชขนาด 9-12 มิลลิเมตร
เหมาะสำหรับงานก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ต้องการรองรับน้ำหนักมาก เช่น • สนามบิน
• ท่าเรือ
• โรงงานอุตสาหกรรมหนัก
• อาคารจอดรถหลายชั้น
• โกดังเก็บสินค้าที่มีน้ำหนักมาก
• สถานีรถไฟ
• เขื่อน, อุโมงค์
• ถนนรถบรรทุก *ความหนาแน่นของลวดช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความมั่นคงให้กับโครงสร้าง* การเลือกตะแกรงไวร์เมชให้เหมาะสมกับประเภทงาน เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการก่อสร้าง
WMI Group มี ระบบแนะนำขนาดไวร์เมชตามประเภทงานก่อสร้าง แม่นยำ ใช้งานได้จริง คุณภาพและมาตรฐานตะแกรงไวร์เมช WMI    ตะแกรงไวร์เมชของ WMI ผลิตจาก ลวดเหล็กคุณภาพสูง ผ่านการทอด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติ ทำให้แต่ละจุดเชื่อมแน่นหนาและมีโครงสร้างที่สมบูรณ์แบบ
นอกจากนี้ WMI ยังมุ่งเน้นคุณภาพตามมาตรฐาน TIS (Thai Industrial Standards) ซึ่งเป็นข้อกำหนดของการผลิต Wire Mesh ในประเทศไทย เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ส่งถึงลูกค้าจะมีความสอดคล้องทั้งในด้านความทนทานและความปลอดภัยต่อโครงสร้างคอนกรีต บริการจัดส่งรวดเร็ว โรงงานผลิต 5 สาขา ครอบคลุมทั่วประเทศ   ด้วยโรงงานผลิตของ WMI ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศถึง 5 สาขา ● นนทบุรี
● นครสวรรค์
● ขอนแก่น
● นครราชสีมา
● ชลบุรี    ทำให้สามารถจัดส่งตะแกรงไวร์เมชได้อย่างรวดเร็วและตรงตามกำหนด ในทุกภูมิภาคของไทย ทีมงานยังให้การดูแลตั้งแต่ขั้นตอนให้คำปรึกษา การจัดส่ง ไปจนถึงการดูแลหลังการขาย เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด สั่งไวร์เมชกับ WMI Group ง่ายๆ แค่ คลิก ติดต่อเราเพื่อขอใบเสนอราคา, ปรึกษาเรื่องการใช้ไวร์เมช, หรือเช็คราคาใกล้คุณ ได้ทันที


29 พฤศจิกายน 2024

ไวร์เมช มอก.

ไวร์เมช มอก. จาก WMI Group – ตอบโจทย์ทุกงานก่อสร้างอย่างมั่นใจ   ไวร์เมชมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) เป็นวัสดุก่อสร้างที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในงานโครงสร้างคอนกรีตทุกประเภท เนื่องจากเป็นตะแกรงลวดเชื่อมที่มีความแข็งแรง ทนทาน และมีคุณภาพสูง การใช้วัสดุที่ได้มาตรฐานย่อมสร้างความมั่นใจให้กับผู้รับเหมาและเจ้าของโครงการ ว่าการก่อสร้างจะมีความปลอดภัยและมีอายุการใช้งานยาวนาน ตะแกรงเหล็กไวร์เมช WMI จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับงานเสริมแรงคอนกรีต ทั้งในงานพื้นคอนกรีต เสา คาน หรือโครงสร้างอื่น ๆ ที่ต้องรองรับน้ำหนักและแรงกดทับมาก การเลือกใช้ ไวร์เมชมาตรฐาน มอก. จะช่วยให้การก่อสร้างมีความเสถียร แข็งแรง และลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากวัสดุที่ไม่ได้มาตรฐาน มั่นใจได้ด้วยมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) ที่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้อง ● มอก. 747-2564 ลวดเหล็กกล้าดึงเย็นเสริมคอนกรีต ● มอก. 943-2564 ลวดเหล็กกล้าข้ออ้อยดึงเย็นเสริมคอนกรีต ● มอก. 737-2549 ตะแกรงเหล็กกล้าเชื่อมติดเสริมคอนกรีต      บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับคุณสมบัติที่โดดเด่นของ ตะแกรงเหล็กไวร์เมช WMI เหตุผลที่ควรเลือกใช้ รวมถึงประโยชน์ที่คุณจะได้รับจากการใช้สินค้า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการเลือกวัสดุก่อสร้างที่ดีที่สุดสำหรับงานก่อสร้างของคุณ ● ความปลอดภัย    ไวร์เมชมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) ถูกออกแบบและผลิตตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ทั้งเรื่องขนาดเส้นลวด ความหนาแน่นของตาข่าย และความแข็งแรงของการเชื่อม เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์สามารถรองรับน้ำหนักและแรงกระทำต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในงานก่อสร้างได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
การใช้ไวร์เมชที่ได้มาตรฐาน มอก. จึงช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ความเสียหายต่อโครงสร้าง และปัญหาการทรุดตัวของคอนกรีต ทำให้โครงการก่อสร้างมีความปลอดภัยมากขึ้นทั้งต่อผู้ปฏิบัติงานและผู้ใช้งานในอนาคต ● คุณภาพสม่ำเสมอ    การผลิต ไวร์เมช มอก. ทำให้ทุกชิ้นของผลิตภัณฑ์มีคุณภาพและคุณสมบัติที่สม่ำเสมอกัน ไม่ว่าจะเป็นขนาดเส้นลวด ความหนาแน่นของตาข่าย หรือความแข็งแรงของการเชื่อม คุณสมบัติที่สม่ำเสมอนี้ช่วยให้การเสริมแรงคอนกรีตมีประสิทธิภาพเท่าเทียมกันในทุกพื้นที่ของงานก่อสร้าง ทำให้ผู้รับเหมาสามารถวางแผนและคำนวณโครงสร้างได้อย่างแม่นยำ และลดปัญหาการใช้วัสดุที่มีคุณภาพแตกต่างกัน ซึ่งอาจส่งผลต่อความแข็งแรงของโครงสร้างโดยรวม ● ความน่าเชื่อถือ    ผลิตภัณฑ์มาตรฐานอุตสาหกรรม ผ่านการรับรองจากหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ ทำให้ผู้บริโภค ผู้รับเหมา และวิศวกรสามารถมั่นใจในคุณภาพของวัสดุได้อย่างเต็มที่ การเลือกใช้ไวร์เมช มอก. จาก WMI Group จึงไม่เพียงช่วยให้โครงสร้างแข็งแรง แต่ยังสร้างความมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นได้รับการตรวจสอบอย่างเป็นระบบ และเหมาะสมกับการใช้งานในงานก่อสร้างทุกประเภท ● การรับประกัน    การเลือกใช้ ไวร์เมช มอก. มาพร้อมกับความมั่นใจในเรื่องคุณภาพและความปลอดภัย เนื่องจากผลิตภัณฑ์ผ่านการตรวจสอบและรับรองจากหน่วยงานผู้เชี่ยวชาญที่เป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรม การใช้ไวร์เมชจาก WMI Group ทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่าทุกชิ้นมีความแข็งแรง รองรับแรงกดทับและแรงดึงได้ตามมาตรฐาน อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงในการซ่อมแซมหรือการเกิดปัญหาในอนาคต ซึ่งถือเป็นการรับประกันคุณภาพที่ผู้รับเหมาหรือเจ้าของโครงการสามารถพึ่งพาได้ ● กฎหมายและข้อบังคับ    ในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่หรือโครงการสำคัญ เช่น อาคารสูง สะพาน หรือโรงงานอุตสาหกรรม มักมีข้อกำหนดว่าต้องใช้วัสดุที่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและความทนทานของโครงสร้าง การใช้ไวร์เมช มอก. จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งข้อกำหนดทางกฎหมายและมาตรฐานวิศวกรรม ทำให้โครงการสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาทางเทคนิคหรือการตรวจสอบจากหน่วยงานภาครัฐ    ไวร์เมชมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) เป็นวัสดุเสริมแรงคอนกรีตที่มีคุณภาพสูง มีความปลอดภัย และน่าเชื่อถือ
การเลือกใช้ ไวร์เมช มอก. จาก WMI Group ช่วยให้โครงสร้างมีความแข็งแรง ทนทาน และเป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมาย
อีกทั้งยังช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้รับเหมาและเจ้าของโครงการว่าการก่อสร้างจะปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และยืดอายุการใช้งานของโครงสร้างได้อย่างยาวนาน
   WMI Group คือคำตอบสำหรับงานก่อสร้างที่ต้องการความแข็งแรงและความปลอดภัยสูงสุด
เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับผู้รับเหมาและเจ้าของโครงการ ที่ต้องการงานก่อสร้างที่ยั่งยืน


27 พฤศจิกายน 2024

ไขความลับ! ขนาดตาห่างไวร์เมช ส่งผลต่อความแข็งแรงโครงสร้างอย่างไร?

ขนาดช่องตาห่างไวร์เมช    สิ่งที่หลายคนอาจมองข้ามในการเลือกใช้ตะแกรงเหล็กไวร์เมชก็คือ “ขนาดช่องตาห่างไวร์เมช” ซึ่งมีผลโดยตรงต่อความแข็งแรงและอายุการใช้งานของโครงสร้าง หากเลือกไม่ถูกต้อง อาจทำให้โครงสร้างคอนกรีตแตกร้าวหรือรับน้ำหนักได้ไม่เพียงพอ บทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจว่า ขนาดช่องตาห่างไวร์เมช มีผลอย่างไรต่อความสามารถในการกระจายแรง การรองรับน้ำหนัก และการเสริมความแข็งแกร่ง พร้อมทั้งแนะนำแนวทางการเลือกใช้อย่างเหมาะสมในงานก่อสร้างแต่ละประเภท ตะแกรงไวร์เมชตาห่างเล็ก: 10×10, 15×15 และ 20×20 เซนติเมตร    การเลือกใช้ตะแกรงเหล็กไวร์เมชที่มี ขนาดช่องตาห่างเล็ก จะช่วยเพิ่มความหนาแน่นของเหล็กเสริมในคอนกรีต ส่งผลให้โครงสร้างมีความแข็งแรงสูง สามารถรองรับแรงกด แรงดึง และแรงกระแทกได้ดีกว่า จึงเหมาะกับงานที่ต้องการความทนทานสูงและมีการใช้งานหนักต่อเนื่อง ตัวอย่างงานก่อสร้างที่เหมาะสม ได้แก่ ● พื้นคอนกรีตในโรงงานอุตสาหกรรม
● พื้นโกดังเก็บสินค้า
● ถนนคอนกรีตที่รองรับรถบรรทุกหรือรถหนัก
● ฐานรากอาคารสูง
● งานถนนและลานจอดรถ
● งานพื้นโพเดียม (Podium Slab)
● ทางเท้าและงานสะพานคอนกรีต
● งานก่อสร้างสะพาน
● งานก่อสร้างบ่อเก็บน้ำหรือสระว่ายน้ำ ตะแกรงไวร์เมชตาห่างมาตรฐาน: 25×25 และ 30×30 เซนติเมตร   สำหรับงานทั่วไปที่ไม่ต้องการรับแรงหนักมาก ไวร์เมชตาห่างมาตรฐาน ถือเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า ทั้งในด้านราคาและความสะดวกในการติดตั้ง แม้จะมีระยะช่องที่กว้างกว่า แต่ยังคงมีความแข็งแรงเพียงพอสำหรับงานคอนกรีตที่รับแรงปานกลาง ตัวอย่างงานก่อสร้างที่เหมาะสม เช่น ● พื้นโรงจอดรถขนาดเล็ก
● พื้นลานอเนกประสงค์
● งานเทพื้นคอนกรีตทั่วไปที่มีความหนา 10–15 เซนติเมตร
● พื้นโกดัง
● พื้นโรงจอดรถขนาดเล็ก
● งานถนนหรือพื้นลานจอดรถขนาดเล็ก ข้อควรพิจารณา: หากโครงสร้างต้องรองรับน้ำหนักมาก เช่น รถบรรทุก ควรเลือก ตะแกรงไวร์เมชตาห่างเล็กลง หรือเลือกเส้นลวดที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่ขึ้น เพื่อเพิ่มกำลังรับแรงของโครงสร้าง วิธีเลือกขนาดช่องตาห่างไวร์เมชให้เหมาะสม 1. พิจารณาประเภทงานก่อสร้าง งานหนักควรใช้ตาห่างเล็ก งานทั่วไปใช้ตาห่างมาตรฐานได้ 2. ความหนาของคอนกรีต คอนกรีตที่มีความหนา 10–15 ซม. เหมาะกับไวร์เมชตาห่าง 25×25 หรือ 30×30 ซม. 3. งบประมาณโครงการ ตาห่างเล็กจะใช้ปริมาณเหล็กมากขึ้น ส่งผลให้ราคาสูงกว่า แต่ได้ความแข็งแรงมากขึ้นเช่นกัน WMI Group ผู้เชี่ยวชาญด้านตะแกรงเหล็กไวร์เมชกว่า 31 ปี หากคุณยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกขนาดช่องตาห่างไวร์เมช เท่าไรจึงจะเหมาะสมกับโครงการ เรามีทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญจาก WMI Group ที่พร้อมให้คำปรึกษาอย่างละเอียด ด้วยประสบการณ์มากกว่า 31 ปีในการผลิตตะแกรงเหล็กไวร์เมช มาตรฐาน มอก. และ MiT (Made in Thailand) คุณจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง และได้ตะแกรงไวร์เมชมีคุณภาพสูงสุดสำหรับงานก่อสร้าง สั่งไวร์เมชกับ WMI Group ง่ายๆ แค่ คลิก ติดต่อเราเพื่อขอใบเสนอราคา และ ปรึกษาเรื่องการใช้ไวร์เมช


-----